เรียบเรียงความคิดในหัว เกี่ยวกับ Trading system/Psychology
Entry นี้ อาจจะออกแนวบ่นๆ หน่อยนะครับ พยายามตกผลึกความคิดที่วนอยู่ในหัว
หนังสือหลายๆ เล่มที่อ่าน มักพูดไปในทางเดียวกัน Trading in the zone, Trading in "Now Moment", Use your guts to trade อะไรประมาณนี้ ตอนนี้ ยังตีโจทย์ถึงขั้นนั้นไม่แตก ยังไม่แตกฉานดีว่าตรงนั้นคืออะไรกันแน่
แต่จากที่เจอในบทความ ขั้นต้น จะเริ่มมาจาก ความสามารถในการทำตามระบบของเราก่อน (ซึ่งก็แน่นอนว่า ต้องทำให้ได้สักระยะหนึ่งแล้วดูผลด้วย ไม่ใช่ว่า เจอ Drawdown ของระบบแล้วก็เลิกใช้ระบบไปซะอย่างงั้น แล้วไปเริ่มทำระบบใหม่ หรือพยายามปรับระบบที่เรากำลังใช้ ไม่ให้ติดดอยหรือตกรถ นั่นเป็นการ Overoptimize จะทำให้เกิดวงจรอุบาทว์ในที่สุด (เพราะการไปปรับระบบก็ไม่ได้เป็นการ Confirm ว่ามันจะทำกำไรได้ดีขึ้น) สำหรับขั้นแรกนี้ เราควรที่จะทำตามระบบของเราอย่างเคร่งครัด โดยห้ามใส่อารมณ์ของเราลงไป (ซื้อเป็นซื้อ พร้อมตั้งจุดทำกำไร จุดตัดขาดทุนที่ไว้แต่แรก) และ ห้ามปิดการเทรดนั้นด้วยตัวเองอย่างเด็ดขาด เพื่อฝึกนิสัยให้เราทำตามระบบได้
จากนั้นในระดับกลางจึงค่อยเริ่มใช้เซ้นส์ของเราในการออกจากการเทรดบ้าง (เช่น เราสังหรณ์ว่ามันจะลงมาถึงจุด TP, SL ที่เราตั้งไว้ เราก็เลือกที่จะปิดสัญญาก่อนซะเลย (จริงๆแล้ว มันมีเหตุผลที่เราไม่สามารถทำแบบนี้ได้แต่แรก เพราะจิตของเรายังไม่นิ่งพอ และอารมณ์จะเข้ามามีส่วนมาก)
จากนั้น ในระดับสูง ก็คือ Trading in the zone เป็นการเทรดที่สามารถแยกอารมณ์ออกจากตลาดได้อย่างสมบูรณ์
ไม่พยายามเดาตลาด อยู่กับปัจจุบัน พยายามดูว่าตอนนี้ตลาดกำลังทำอะไร
กำหนด Risk Exposure ไว้อย่างแน่นอน รู้ว่าเรารับความเสี่ยงได้มากเท่าไร
ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่=โคตรเสี่ยง
เข้าใจเรื่องการขาดทุนว่าเป็นธรรมชาติของการลงทุน
ไม่ทนงตัวเมื่อถูกบ่อยๆ ครั้ง
วิเคราะห์ด้วยตัวเอง ไม่หวั่นไหวไปกับการวิเคราะห์ของคนอื่น แต่เชื่อสิ่งที่ระบบบอกเรา
มีวินัยในตัวเอง (ทั้งการลงทุน และไม่เกี่ยวกับการลงทุน) เพื่อฝึกนิสัยของตัวเราเอง
Prepare and practice hard then keep trading hour easy... (ไม่มีประโยน์ที่เราจะนั่งเครียดในห้องสอบถ้าไม่ได้เตรียมการสอบมาอย่างดี)
รู้ว่าเรากำลังทำอะไร และจุดประสงค์ของสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นเพื่ออะไร
% การเทรดแล้วได้กำไรนั้นอย่างน้อยก็มีโอกาสน้องกว่าการโยนเหรียญหัวก้อยแน่นอน
ราคาเคลื่อนไปได้สามทิศทาง ขึ้น ลง Sideway
เราสามารถถือ Position ได้สามแบบ Long Short Cash
Sometimes cash is king
Always remind yourself to live in "Now Moment"
ราคามันโล้ไปตามข่าว ใจอย่าไปโล้ตาม
ถ้าขาใหญ่เข้า ยังไงกราฟก็ฟ้อง
หุ้นมักจะวิ่งในเวลาที่เราสนใจมันน้อยที่สุด เพราะงั้น เราต้อง Consistent กับการกระทำต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเทรด เป็นดังกิจวัตร จะได้ไม่พลาดโอกาสสำคัญไปอย่างน่าเสียดาย
เวลาที่ทุกคนเห็นว่าหุ้นจะขึ้น เวลานั้นหุ้นจะตก ทำนองเดียวกับ เวลาที่ทุกคนคิดว่าหุ้นจะตก เวลานั้นมันจะขึ้น
ไม่มีใครถูกไปซะทุกครั้ง ไม่มีใครผิดไปซะทุกครั้ง
เวลาถกเถียงกัน ว่ามันจะขึ้นหรือลง อย่าลืมถาม Timeframe เพราะเวลาสั้นยาวของแต่ละคนไม่เท่ากัน
Find (or build) best suit Trading system with YOUR personality, not others.
Not overoptimized
Simply is the best, there is no need to build a complicated system like a derivative of derivative of !@#$! indicator which derive from price... blah blah blah
Overuse indicator will make you confuse
There is some correlation between Trading and Zen (have to further study zen)
......
....
..
.
เริ่มตันๆ แล้ว ไว้ต่อตอนถัดไป :)
หนังสือหลายๆ เล่มที่อ่าน มักพูดไปในทางเดียวกัน Trading in the zone, Trading in "Now Moment", Use your guts to trade อะไรประมาณนี้ ตอนนี้ ยังตีโจทย์ถึงขั้นนั้นไม่แตก ยังไม่แตกฉานดีว่าตรงนั้นคืออะไรกันแน่
แต่จากที่เจอในบทความ ขั้นต้น จะเริ่มมาจาก ความสามารถในการทำตามระบบของเราก่อน (ซึ่งก็แน่นอนว่า ต้องทำให้ได้สักระยะหนึ่งแล้วดูผลด้วย ไม่ใช่ว่า เจอ Drawdown ของระบบแล้วก็เลิกใช้ระบบไปซะอย่างงั้น แล้วไปเริ่มทำระบบใหม่ หรือพยายามปรับระบบที่เรากำลังใช้ ไม่ให้ติดดอยหรือตกรถ นั่นเป็นการ Overoptimize จะทำให้เกิดวงจรอุบาทว์ในที่สุด (เพราะการไปปรับระบบก็ไม่ได้เป็นการ Confirm ว่ามันจะทำกำไรได้ดีขึ้น) สำหรับขั้นแรกนี้ เราควรที่จะทำตามระบบของเราอย่างเคร่งครัด โดยห้ามใส่อารมณ์ของเราลงไป (ซื้อเป็นซื้อ พร้อมตั้งจุดทำกำไร จุดตัดขาดทุนที่ไว้แต่แรก) และ ห้ามปิดการเทรดนั้นด้วยตัวเองอย่างเด็ดขาด เพื่อฝึกนิสัยให้เราทำตามระบบได้
จากนั้นในระดับกลางจึงค่อยเริ่มใช้เซ้นส์ของเราในการออกจากการเทรดบ้าง (เช่น เราสังหรณ์ว่ามันจะลงมาถึงจุด TP, SL ที่เราตั้งไว้ เราก็เลือกที่จะปิดสัญญาก่อนซะเลย (จริงๆแล้ว มันมีเหตุผลที่เราไม่สามารถทำแบบนี้ได้แต่แรก เพราะจิตของเรายังไม่นิ่งพอ และอารมณ์จะเข้ามามีส่วนมาก)
จากนั้น ในระดับสูง ก็คือ Trading in the zone เป็นการเทรดที่สามารถแยกอารมณ์ออกจากตลาดได้อย่างสมบูรณ์
ไม่พยายามเดาตลาด อยู่กับปัจจุบัน พยายามดูว่าตอนนี้ตลาดกำลังทำอะไร
กำหนด Risk Exposure ไว้อย่างแน่นอน รู้ว่าเรารับความเสี่ยงได้มากเท่าไร
ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่=โคตรเสี่ยง
เข้าใจเรื่องการขาดทุนว่าเป็นธรรมชาติของการลงทุน
ไม่ทนงตัวเมื่อถูกบ่อยๆ ครั้ง
วิเคราะห์ด้วยตัวเอง ไม่หวั่นไหวไปกับการวิเคราะห์ของคนอื่น แต่เชื่อสิ่งที่ระบบบอกเรา
มีวินัยในตัวเอง (ทั้งการลงทุน และไม่เกี่ยวกับการลงทุน) เพื่อฝึกนิสัยของตัวเราเอง
Prepare and practice hard then keep trading hour easy... (ไม่มีประโยน์ที่เราจะนั่งเครียดในห้องสอบถ้าไม่ได้เตรียมการสอบมาอย่างดี)
รู้ว่าเรากำลังทำอะไร และจุดประสงค์ของสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นเพื่ออะไร
% การเทรดแล้วได้กำไรนั้นอย่างน้อยก็มีโอกาสน้องกว่าการโยนเหรียญหัวก้อยแน่นอน
ราคาเคลื่อนไปได้สามทิศทาง ขึ้น ลง Sideway
เราสามารถถือ Position ได้สามแบบ Long Short Cash
Sometimes cash is king
Always remind yourself to live in "Now Moment"
ราคามันโล้ไปตามข่าว ใจอย่าไปโล้ตาม
ถ้าขาใหญ่เข้า ยังไงกราฟก็ฟ้อง
หุ้นมักจะวิ่งในเวลาที่เราสนใจมันน้อยที่สุด เพราะงั้น เราต้อง Consistent กับการกระทำต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเทรด เป็นดังกิจวัตร จะได้ไม่พลาดโอกาสสำคัญไปอย่างน่าเสียดาย
เวลาที่ทุกคนเห็นว่าหุ้นจะขึ้น เวลานั้นหุ้นจะตก ทำนองเดียวกับ เวลาที่ทุกคนคิดว่าหุ้นจะตก เวลานั้นมันจะขึ้น
ไม่มีใครถูกไปซะทุกครั้ง ไม่มีใครผิดไปซะทุกครั้ง
เวลาถกเถียงกัน ว่ามันจะขึ้นหรือลง อย่าลืมถาม Timeframe เพราะเวลาสั้นยาวของแต่ละคนไม่เท่ากัน
Find (or build) best suit Trading system with YOUR personality, not others.
Not overoptimized
Simply is the best, there is no need to build a complicated system like a derivative of derivative of !@#$! indicator which derive from price... blah blah blah
Overuse indicator will make you confuse
There is some correlation between Trading and Zen (have to further study zen)
......
....
..
.
เริ่มตันๆ แล้ว ไว้ต่อตอนถัดไป :)