สิ่งที่ได้จาก Steve Jobs by Walter Issacson ตอนที่ 1
สรุปสิ่งที่ได้จากการฟัง Audiobook Steve Jobs by Walter Issacson
(ไม่มีเวลาอ่าน จึงอาศัยเปิดฟังตอนขับรถเอา)
หลังจากฟังจบแล้ว จึงคิดได้ว่า ควรจะโน๊ตไว้เป็นข้อๆ เพื่อให้มีสาระติดตัวออกไป และไม่ลืม
เขียนเท่าที่พอจะนึกออก อาจตกหล่นอะไรไป ก็เพิ่มเติม/แก้ไขกันมาได้นะครับ
ผมคงมาสรุปแค่ทีละ Chapter โดยประมาณ
โดยจะพยายามสรุปเป็น Bullet Point สำคัญๆ ในแต่ละตอนที่ฟัง
(เพื่อประหยัดเวลาเขียน และเวลาของผู้อ่านด้วย)
" เท่าที่พอจะนึกออก"
Chapter 1
-ข้อสังเกต: จ๊อบส์เกิดในปี 1965 อยู่ในยุคหลังๆของเบบี้บูมเมอส์พอดี
-หลายๆ สิ่งในตัวจ๊อบส์ขัดแย้งกันมาก แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึก
-Steve Jobs มีพ่อแม่อุปถัมถ์ตั้งแต่เกิด โดยที่พ่อแม่ก็พูดความจริงกับจ๊อบส์ตั้งแต่ยังเด็ก ว่าพวกเขาไม่ใช่พ่อแม่จริงๆ ของเขา
-พ่อแม่ของจ๊อบส์ไม่ได้จบการศึกษาระดับปริญญาทั้งสองคน พ่อทำงานอิเล็คทรอนิคส์ ติดเหล้า แม่ ทำอาชีพจับรถเก่ามาขาย (ประมาณว่าเต้นท์) หลังจากนั้นก็ได้ทำงานด้านไฟแนนซ์
-สาเหตุที่เขาไม่เสียผู้เสียคนกลายเป็นเด็กเกเร เพราะพ่อแม่จริงๆ ไม่รัก เหมือนเด็กทั่วๆ ไป ที่มีปัญหา นั้นเป็นเพราะว่า เขาคิดว่า ถ้าเขาทำตัวดีๆ ประสบความสำเร็จในชีวิต พ่อแม่ที่แท้จริงของเขาอาจจะเห็นคุณค่าในตัวเค้าขึ้นมาบ้าง
-จ๊อบส์รู้สึกตัวตั้งแต่เล็กๆ ว่าเขานั้นเก่งกว่าพ่อแม่อุปถัมถ์ของเขา
-พ่อเลี้ยงก็รู้สึกในสิ่งนี้เช่นกัน ทั้งเขาและภรรยาจึงพยายามเลี้ยงเค้าแบบเด็กพิเศษ ต้องการอะไรก็พยายามจะหามาให้
-เพราะพ่อแม่รู้สึกถึงพรสวรรค์ในตัวของเขา จึงได้สอนจ๊อบส์ให้อ่านและเขียนก่อนเข้าโรงเรียน เมื่อจ๊อบส์เข้าโรงเรียนจริงๆ แล้ว จึงรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่อยากเรียน (หลังจากนั้นเขาจึงเห็นความสำคัญของการศึกษาในโรงเรียนน้อยลงไปเรื่อยๆ)
-จ๊อบส์จึงเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงมาด้วยความรู้สึกว่าตัวเขานั้นแตกต่างไม่เหมือนใคร โดยที่เค้าก็รู้ตัว และคนรอบข้างบางคนก็รู้ตัวด้วย เช่นเพื่อนสาวคนหนึ่งของเขาที่พยายามมาทาบทามจ๊อบส์ตั้งแต่สมัยเรียน (เพราะเขารู้ว่าคนนี้พิเศษ ไม่เหมือนคนอื่นๆ)
-พ่อเลี้ยงของเขาอยากให้จ๊อบส์ถูกเลี้ยงดูมาแบบผู้นับถือศาสนา จึงส่งเขาไปเรียนที่โบสถ์โปรเตสแตนท์ทุกวันอาทิตย์
-แต่อย่างไรก็ตาม จ๊อบส์นั้นหมดศรัทธาในศาสนาคริสต์ นิกายโปรเตนแตนท์และไม่เคยไปเข้าวัดอีกเลยตั้งแต่เหตุการณ์นึงเป็นต้นมา คือ เขาได้ถามคุณพ่อ ว่า พระเจ้ารู้ทุกอย่างจริงๆ ร๋อ คุณพ่อตอบว่าใช่ จ๊อบส์จึงถามต่อว่า ถ้างั้น กำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กผู้หญิงคนนั้น คุณพ่อหัวเราะเบาๆ แล้วตอบว่า จ๊อบส์ เจ้าเองอาจจะไม่เข้าใจหรอก แต่ว่าพระเจ้ารู้ทุกอย่าง หลังจากเหตุการณ์นี้ จ๊อบส์จึงไม่เคยไปเข้าวัดอีกเลย
-หลังจากนั้นเขาจึงเริ่มศึกษาในนิกายเซนของศาสนาพุทธแทน
-จ๊อบส์รู้สึกทึ่ง เมื่อได้เห็นแมวคลอดลูกออกมา ไม่กี่นาทีต่อจากนั้น ลูกแมวที่เพิ่งเกิด กลับเดินเหินได้เหมือนปกติ ซึ่งแตกต่างจากมนุษย์ เขาจึงได้นำไอเดียเหล่านี้มาใช้กับผลิตภัณฑ์แทบทุกตัวของแอปเปิ้ล ที่พอเปิดกล่องออกมาแล้วผุ้ใช้สามารถใช้งานได้เลย
-จ๊อบส์ชอบในวงจรอิเล็คทรอนิคส์มาก และด้วยโชคชะตา มีบริษัทอิเล็คโทรนิคส์อยู่ใกล้บ้านเขาพอดี ทำให้เขาค่อนข้างสนิทกับวิศวกรที่ทำงานอยู่ในนั้น
-เขากล่าวว่า ถ้าคุณสร้างวิทยุขึ้นมาได้สักตัว ทีวีและเครื่องเสียง ที่ยากกว่า จะตามมาเอง
-จ๊อบส์ได้แนวคิดเรื่อง Refurbish สินค้าเก่ามาขาย จากการจับรถมาซ่อม แล้วขายในเต้นท์ ของแม่ และการไปขุดคุ้ยกองขยะ เพื่อนำแผงวงจรและชิ้นส่วนต่างๆ มาซ่อมแซมให้เครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ในสภาพที่ดีแล้วนำไปขายต่อได้
(ไม่มีเวลาอ่าน จึงอาศัยเปิดฟังตอนขับรถเอา)
หลังจากฟังจบแล้ว จึงคิดได้ว่า ควรจะโน๊ตไว้เป็นข้อๆ เพื่อให้มีสาระติดตัวออกไป และไม่ลืม
เขียนเท่าที่พอจะนึกออก อาจตกหล่นอะไรไป ก็เพิ่มเติม/แก้ไขกันมาได้นะครับ
ผมคงมาสรุปแค่ทีละ Chapter โดยประมาณ
โดยจะพยายามสรุปเป็น Bullet Point สำคัญๆ ในแต่ละตอนที่ฟัง
(เพื่อประหยัดเวลาเขียน และเวลาของผู้อ่านด้วย)
" เท่าที่พอจะนึกออก"
Chapter 1
-ข้อสังเกต: จ๊อบส์เกิดในปี 1965 อยู่ในยุคหลังๆของเบบี้บูมเมอส์พอดี
-หลายๆ สิ่งในตัวจ๊อบส์ขัดแย้งกันมาก แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึก
-Steve Jobs มีพ่อแม่อุปถัมถ์ตั้งแต่เกิด โดยที่พ่อแม่ก็พูดความจริงกับจ๊อบส์ตั้งแต่ยังเด็ก ว่าพวกเขาไม่ใช่พ่อแม่จริงๆ ของเขา
-พ่อแม่ของจ๊อบส์ไม่ได้จบการศึกษาระดับปริญญาทั้งสองคน พ่อทำงานอิเล็คทรอนิคส์ ติดเหล้า แม่ ทำอาชีพจับรถเก่ามาขาย (ประมาณว่าเต้นท์) หลังจากนั้นก็ได้ทำงานด้านไฟแนนซ์
-สาเหตุที่เขาไม่เสียผู้เสียคนกลายเป็นเด็กเกเร เพราะพ่อแม่จริงๆ ไม่รัก เหมือนเด็กทั่วๆ ไป ที่มีปัญหา นั้นเป็นเพราะว่า เขาคิดว่า ถ้าเขาทำตัวดีๆ ประสบความสำเร็จในชีวิต พ่อแม่ที่แท้จริงของเขาอาจจะเห็นคุณค่าในตัวเค้าขึ้นมาบ้าง
-จ๊อบส์รู้สึกตัวตั้งแต่เล็กๆ ว่าเขานั้นเก่งกว่าพ่อแม่อุปถัมถ์ของเขา
-พ่อเลี้ยงก็รู้สึกในสิ่งนี้เช่นกัน ทั้งเขาและภรรยาจึงพยายามเลี้ยงเค้าแบบเด็กพิเศษ ต้องการอะไรก็พยายามจะหามาให้
-เพราะพ่อแม่รู้สึกถึงพรสวรรค์ในตัวของเขา จึงได้สอนจ๊อบส์ให้อ่านและเขียนก่อนเข้าโรงเรียน เมื่อจ๊อบส์เข้าโรงเรียนจริงๆ แล้ว จึงรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่อยากเรียน (หลังจากนั้นเขาจึงเห็นความสำคัญของการศึกษาในโรงเรียนน้อยลงไปเรื่อยๆ)
-จ๊อบส์จึงเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงมาด้วยความรู้สึกว่าตัวเขานั้นแตกต่างไม่เหมือนใคร โดยที่เค้าก็รู้ตัว และคนรอบข้างบางคนก็รู้ตัวด้วย เช่นเพื่อนสาวคนหนึ่งของเขาที่พยายามมาทาบทามจ๊อบส์ตั้งแต่สมัยเรียน (เพราะเขารู้ว่าคนนี้พิเศษ ไม่เหมือนคนอื่นๆ)
-พ่อเลี้ยงของเขาอยากให้จ๊อบส์ถูกเลี้ยงดูมาแบบผู้นับถือศาสนา จึงส่งเขาไปเรียนที่โบสถ์โปรเตสแตนท์ทุกวันอาทิตย์
-แต่อย่างไรก็ตาม จ๊อบส์นั้นหมดศรัทธาในศาสนาคริสต์ นิกายโปรเตนแตนท์และไม่เคยไปเข้าวัดอีกเลยตั้งแต่เหตุการณ์นึงเป็นต้นมา คือ เขาได้ถามคุณพ่อ ว่า พระเจ้ารู้ทุกอย่างจริงๆ ร๋อ คุณพ่อตอบว่าใช่ จ๊อบส์จึงถามต่อว่า ถ้างั้น กำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กผู้หญิงคนนั้น คุณพ่อหัวเราะเบาๆ แล้วตอบว่า จ๊อบส์ เจ้าเองอาจจะไม่เข้าใจหรอก แต่ว่าพระเจ้ารู้ทุกอย่าง หลังจากเหตุการณ์นี้ จ๊อบส์จึงไม่เคยไปเข้าวัดอีกเลย
-หลังจากนั้นเขาจึงเริ่มศึกษาในนิกายเซนของศาสนาพุทธแทน
-จ๊อบส์รู้สึกทึ่ง เมื่อได้เห็นแมวคลอดลูกออกมา ไม่กี่นาทีต่อจากนั้น ลูกแมวที่เพิ่งเกิด กลับเดินเหินได้เหมือนปกติ ซึ่งแตกต่างจากมนุษย์ เขาจึงได้นำไอเดียเหล่านี้มาใช้กับผลิตภัณฑ์แทบทุกตัวของแอปเปิ้ล ที่พอเปิดกล่องออกมาแล้วผุ้ใช้สามารถใช้งานได้เลย
-จ๊อบส์ชอบในวงจรอิเล็คทรอนิคส์มาก และด้วยโชคชะตา มีบริษัทอิเล็คโทรนิคส์อยู่ใกล้บ้านเขาพอดี ทำให้เขาค่อนข้างสนิทกับวิศวกรที่ทำงานอยู่ในนั้น
-เขากล่าวว่า ถ้าคุณสร้างวิทยุขึ้นมาได้สักตัว ทีวีและเครื่องเสียง ที่ยากกว่า จะตามมาเอง
-จ๊อบส์ได้แนวคิดเรื่อง Refurbish สินค้าเก่ามาขาย จากการจับรถมาซ่อม แล้วขายในเต้นท์ ของแม่ และการไปขุดคุ้ยกองขยะ เพื่อนำแผงวงจรและชิ้นส่วนต่างๆ มาซ่อมแซมให้เครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ในสภาพที่ดีแล้วนำไปขายต่อได้