Lesson Learning— change myself
Credit http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=kunjoja&month=03-01-2012&group=1&gblog=46
เมือไรที่เราพบว่า เรา ต่างจากเดิม /เปลี่ยน ไปจากอดีตนั้น สิ่งที่เราต้องคิดต่อก็คือ ที่ เปลี่ยนไป /ต่างจากเดิมนั้น ดีขึ้น หรือ แย่ลง
และ เมื่อเรา ดูว่าอะไรเปลี่ยนไปบ้าง นั้นคือ การทบทวน เพื่อที่จะ เปลี่ยน ต่อ หรือ ยังคงไว้....
หวังว่า ประโยค ข้างต้น จะช่วยให้ เรา กระจ่าง ต่อสิ่งที่จะเขียนต่อไปได้
1. ชีวิตหลังจากเริ่มการลงทุน อย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกก็คือ ผมมีระบบการวางแผนการออมเงินของตนเอง ซึ่งผมว่าเป็นแกนหลักของการลงทุน อย่างหนึ่ง ทุกๆคนต้องวางระบบการบริหารเงินตนเองให้เป็น ก่อนที่จะไปลงทุนอะไรก็ตาม
.......ผมว่า ไม่จำเป็นที่คุณต้องมาลงทุนในหุ้น มากมายอะไร แต่คุณต้องหาวิธีที่จะมีแนวทางออมเงินไว้ได้อย่างต่อเนื่อง และมั่นใจได้ว่า อนาคต เงินเหล่านั้นจะช่วยให้ชีวิตบั้นปลาย ไม่ยากแค้น และมีความสุขกับชีวิตตัวเองได้ อย่างที่ควรเป็น ^ ^
มีหลายๆคน มักจะคิดว่า หาให้ได้เยอะๆ แล้ว ตอนปลายชีวิตก็มีความสุข ผม เคยคิดเช่นนี้ ตอนช่วงแรกๆของการลงทุน (หวังที่จะได้กำไรจากหุ้นเยอะๆ รวยไวๆ เอาเวลาส่วนใหญ่กับชีวิตการลงทุน ศึกษาบริษัทอ่านงบการเงิน เฝ้าจอดูราคาหุ้นทุกวัน หายใจเข้าหายใจออกเป็น หุ้น )
แต่ท้ายสุด ณ ตอนนี้ ผมกลับคิดเปลี่ยนไป ....
ในระหว่างทางของชีวิต เราจับจ้องอยู่กับการหาเงินให้ได้มากๆ และเราก็ หมดเวลาไปกับสิ่งเหล่านี้ มากจน เราลืมไปว่า
ชีวิตที่เดินหรือใช้โดยไร้ค่า ที่เราคิดว่าเสียเวลาการลงทุนของเรานั้น จริงๆแล้วอาจจะมีค่ามาก สำหรับคนอื่นโดยไม่จำเป็นต้อง เอาเงินมาใช้อะไรมากมายนัก
ความ มีค่า ของมนุษย์ เรา ไม่ได้วัดที่ เงิน ที่มากขึ้น แต่อยู่ที่ เราเอาเวลาที่จำกัดของเรา ทำเพื่อสิ่งอื่นหรือผู้อื่นก็เป็นการสร้าง ความมีค่าของตัวเราได้เช่นกัน
เราเสียเวลากับสิ่งหนึ่ง เราก็จะได้เวลากับสิ่งนั้น (ตามกฎของ พลังงานที่ไม่สูญหาย ----เกี่ยวกันไหม 55 )
- แค่คุณนั่งดูหนังอยู่กับครอบครัว นั้นก็เป็น ความมีค่า ของชีวิต ที่ร่วมกันของ คนในครอบครัว
-คุณ เคยเดินไปดูภายนอกบ้าน ไปเดินเล่นในห้าง ไปยืนรอเพื่อน ที่มาสาย แล้วมานั่งบ่นว่า มึงสายๆ กรูมาตรงเวลา ไปนั่งทานข้าว คุยไร้สาระไม่เกี่ยวกับหุ้นเป็นชั่วโมงสองชั่วโมง ไปเลือกเสื้อผ้า เลือกทั้งห้างก็ยังไม่ได้
ทั้งหมด นี่ ถามว่า มันไร้ค่า ไหม ในชีวิตของคน
ผมไม่ได้บอกว่า สิ่งที่ผมคิด ถูก หรือ คนที่มีชีวิตกับการเทรดหุ้น ทุกอณูลมหายใจนั้นผิด
//// คั้นประโยคที่ โน๊ต แต้อุดม พูดในเดี่ยวเก้าไว้ว่า
.ใช้ ชีวิตให้เหมือนที่เคยร้องตอนเด็กๆ รถไฟจะไปโคราช .... เราไม่สนว่าต้นเพลงจะเป็นอย่างไร ปลายเพลงจะเป็นอย่างไร เราสนุกตอนเราร้องก็พอ ใช้ชีวิตที่มีความสุข ทำที่เรารัก รักที่เราทำ
..
ไม่ว่าจะเป็น เซาะกราว หรือ แม้แต่เป็นคนในเมือง ชีวิต มันอยู่ที่ เรามีความสุข กับสิ่งที่เราทำไหม ? ^ ^
ผมขอสรุปไว้แค่ว่า...
แต่ละคน วางความมีค่า ของชีวิต และเป้าหมาย ต่างกันไป ดังนั้น อยู่ที่เราวางตัวเองลงในกรอบคำว่า มีค่า ไว้ตรงไหน นั้นเอง ส่วนตัวผม วางไว้ใน ที่ที่ พอดีกับตัวเอง ^^
2. เมื่อถึงจุดหนึ่ง เราต้องยอมรับว่า ความผิดพลาด นั้น ไม่มีทางหมดไป ถ้าเรายังคิดจะลงทุนต่อไป
ปัญหาของการเทรดที่ผ่านมา คือ ความโลภ และ ความที่ไม่อดทน ต่อสิ่งยั่วยุต่างๆ
อย่างหนึ่งที่เราต้อง เอามาใช้ก็คือ ประสบการณ์ สองปี กับการเทรดหุ้นในแนวทางที่ถนัด ที่ทำให้มีกำไรเติบโตได้นั้นทำให้เราหลงและคิดว่า เรากล้าที่จะเสี่ยงกับ การเทรดแนวทางอื่นได้
เคยมีคนเขียนไว้ (ไม่รู้ว่าใครล่ะ) “อย่าไปเล่นเกมส์ที่ตัวเองไม่ถนัด.”
ยอมรับว่า เกมส์ ที่ผิดพลาดที่ผ่านมานั้น ดันไม่ใช่เกมส์ที่ตัวเองถนัด (ไปเล่น future DW )
บางที่ ความผิดพลาดแม้ว่าเงินไม่ได้มากมายอะไร นักเมื่อเทียบกับกำไรที่ได้จากการเทรดปกติ แต่ก็สอนให้เรารู้ว่า
วันหลังเอ็งอย่าโลภหรือกลัวเกินเหตุ แล้วจงรีบกลับมาในเกมส์ ตัวเองสะทีสิโว้ย .....
จบแค่นี้ก่อนครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบ
เมือไรที่เราพบว่า เรา ต่างจากเดิม /เปลี่ยน ไปจากอดีตนั้น สิ่งที่เราต้องคิดต่อก็คือ ที่ เปลี่ยนไป /ต่างจากเดิมนั้น ดีขึ้น หรือ แย่ลง
และ เมื่อเรา ดูว่าอะไรเปลี่ยนไปบ้าง นั้นคือ การทบทวน เพื่อที่จะ เปลี่ยน ต่อ หรือ ยังคงไว้....
หวังว่า ประโยค ข้างต้น จะช่วยให้ เรา กระจ่าง ต่อสิ่งที่จะเขียนต่อไปได้
1. ชีวิตหลังจากเริ่มการลงทุน อย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกก็คือ ผมมีระบบการวางแผนการออมเงินของตนเอง ซึ่งผมว่าเป็นแกนหลักของการลงทุน อย่างหนึ่ง ทุกๆคนต้องวางระบบการบริหารเงินตนเองให้เป็น ก่อนที่จะไปลงทุนอะไรก็ตาม
.......ผมว่า ไม่จำเป็นที่คุณต้องมาลงทุนในหุ้น มากมายอะไร แต่คุณต้องหาวิธีที่จะมีแนวทางออมเงินไว้ได้อย่างต่อเนื่อง และมั่นใจได้ว่า อนาคต เงินเหล่านั้นจะช่วยให้ชีวิตบั้นปลาย ไม่ยากแค้น และมีความสุขกับชีวิตตัวเองได้ อย่างที่ควรเป็น ^ ^
มีหลายๆคน มักจะคิดว่า หาให้ได้เยอะๆ แล้ว ตอนปลายชีวิตก็มีความสุข ผม เคยคิดเช่นนี้ ตอนช่วงแรกๆของการลงทุน (หวังที่จะได้กำไรจากหุ้นเยอะๆ รวยไวๆ เอาเวลาส่วนใหญ่กับชีวิตการลงทุน ศึกษาบริษัทอ่านงบการเงิน เฝ้าจอดูราคาหุ้นทุกวัน หายใจเข้าหายใจออกเป็น หุ้น )
แต่ท้ายสุด ณ ตอนนี้ ผมกลับคิดเปลี่ยนไป ....
ในระหว่างทางของชีวิต เราจับจ้องอยู่กับการหาเงินให้ได้มากๆ และเราก็ หมดเวลาไปกับสิ่งเหล่านี้ มากจน เราลืมไปว่า
ชีวิตที่เดินหรือใช้โดยไร้ค่า ที่เราคิดว่าเสียเวลาการลงทุนของเรานั้น จริงๆแล้วอาจจะมีค่ามาก สำหรับคนอื่นโดยไม่จำเป็นต้อง เอาเงินมาใช้อะไรมากมายนัก
ความ มีค่า ของมนุษย์ เรา ไม่ได้วัดที่ เงิน ที่มากขึ้น แต่อยู่ที่ เราเอาเวลาที่จำกัดของเรา ทำเพื่อสิ่งอื่นหรือผู้อื่นก็เป็นการสร้าง ความมีค่าของตัวเราได้เช่นกัน
เราเสียเวลากับสิ่งหนึ่ง เราก็จะได้เวลากับสิ่งนั้น (ตามกฎของ พลังงานที่ไม่สูญหาย ----เกี่ยวกันไหม 55 )
- แค่คุณนั่งดูหนังอยู่กับครอบครัว นั้นก็เป็น ความมีค่า ของชีวิต ที่ร่วมกันของ คนในครอบครัว
-คุณ เคยเดินไปดูภายนอกบ้าน ไปเดินเล่นในห้าง ไปยืนรอเพื่อน ที่มาสาย แล้วมานั่งบ่นว่า มึงสายๆ กรูมาตรงเวลา ไปนั่งทานข้าว คุยไร้สาระไม่เกี่ยวกับหุ้นเป็นชั่วโมงสองชั่วโมง ไปเลือกเสื้อผ้า เลือกทั้งห้างก็ยังไม่ได้
ทั้งหมด นี่ ถามว่า มันไร้ค่า ไหม ในชีวิตของคน
ผมไม่ได้บอกว่า สิ่งที่ผมคิด ถูก หรือ คนที่มีชีวิตกับการเทรดหุ้น ทุกอณูลมหายใจนั้นผิด
//// คั้นประโยคที่ โน๊ต แต้อุดม พูดในเดี่ยวเก้าไว้ว่า
.ใช้ ชีวิตให้เหมือนที่เคยร้องตอนเด็กๆ รถไฟจะไปโคราช .... เราไม่สนว่าต้นเพลงจะเป็นอย่างไร ปลายเพลงจะเป็นอย่างไร เราสนุกตอนเราร้องก็พอ ใช้ชีวิตที่มีความสุข ทำที่เรารัก รักที่เราทำ
..
ไม่ว่าจะเป็น เซาะกราว หรือ แม้แต่เป็นคนในเมือง ชีวิต มันอยู่ที่ เรามีความสุข กับสิ่งที่เราทำไหม ? ^ ^
ผมขอสรุปไว้แค่ว่า...
แต่ละคน วางความมีค่า ของชีวิต และเป้าหมาย ต่างกันไป ดังนั้น อยู่ที่เราวางตัวเองลงในกรอบคำว่า มีค่า ไว้ตรงไหน นั้นเอง ส่วนตัวผม วางไว้ใน ที่ที่ พอดีกับตัวเอง ^^
2. เมื่อถึงจุดหนึ่ง เราต้องยอมรับว่า ความผิดพลาด นั้น ไม่มีทางหมดไป ถ้าเรายังคิดจะลงทุนต่อไป
ปัญหาของการเทรดที่ผ่านมา คือ ความโลภ และ ความที่ไม่อดทน ต่อสิ่งยั่วยุต่างๆ
อย่างหนึ่งที่เราต้อง เอามาใช้ก็คือ ประสบการณ์ สองปี กับการเทรดหุ้นในแนวทางที่ถนัด ที่ทำให้มีกำไรเติบโตได้นั้นทำให้เราหลงและคิดว่า เรากล้าที่จะเสี่ยงกับ การเทรดแนวทางอื่นได้
เคยมีคนเขียนไว้ (ไม่รู้ว่าใครล่ะ) “อย่าไปเล่นเกมส์ที่ตัวเองไม่ถนัด.”
ยอมรับว่า เกมส์ ที่ผิดพลาดที่ผ่านมานั้น ดันไม่ใช่เกมส์ที่ตัวเองถนัด (ไปเล่น future DW )
บางที่ ความผิดพลาดแม้ว่าเงินไม่ได้มากมายอะไร นักเมื่อเทียบกับกำไรที่ได้จากการเทรดปกติ แต่ก็สอนให้เรารู้ว่า
วันหลังเอ็งอย่าโลภหรือกลัวเกินเหตุ แล้วจงรีบกลับมาในเกมส์ ตัวเองสะทีสิโว้ย .....
จบแค่นี้ก่อนครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบ
Create Date : 03 มกราคม 2555 | ||||||
Last Update : 3 มกราคม 2555 13:03:50 น. |