หนึ่งปีที่ผ่านไป พร้อมกับมุมมองและประสบการณ์ ตอนที่ 1

สวัสดีึีัครับ ไม่ได้ัอัพบลอคนี้มาซะนาน ห่างหายไปนานมาก ( แต่ Pageview 3500 นี่ มีท่านไหนมาดูบ้างผมก็ไม่รู้ แต่ก็แอบดีใจเล็กๆ ว่ามีคนเปิดมาดู ถึงจะบังเอิญค้นเจอจากใน Google ก็ตาม )

ผมอัพบลอคนี้ล่าสุดเมื่อช่วงเดือน มีนา 2012 ซึ่งก็เป็นการโพสต์สรุปบทความมาจากที่อื่นด้วยซ้ำ ไม่ได้เขียนเอง (ขี้เกียจ) แต่พอหลังจากนั้น มีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตพลิกผันไปมาก ได้เรียนรุ้สิ่งต่างๆ มากมาย ก็ขอสรุปลงมาไว้ในโพสต์ต่อจากนี้ละกัน

อาจจะยาวหน่อยนะครับ เพราะเรียนรู้เรื่องต่างๆ มาเยอะมากเลย ถือซะว่าชดเ้ชยที่ผ่านมา

1. April 4, 2012 จับโดนใบแดง ทบ.2: ผลกระทบต่อการลงทุน

ใช่ครึ่ง ตึงง เริ่มเรื่องแรกก็ตึงแล้ว ใครมันจะไปคิด เรียนจบ ป.ตรี มา ทำงานออฟฟิศดีๆ เงินเดือนสตาร์ทสูงๆ จะต้องถูกบรรจุเข้าไปเป็นทหารเกณฑ์ นอนกับดินกินกะหญ้า คลุกเคล้ากับหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อ ตอนจับโดนใบแดงนี่เป็นอะไรที่พลิกผันที่สุดในชีวิตแล้ว ถึงกับเข่าอ่อนไม่มีเรี่ยวแรงจะยืน ก็ช๊อคไปหลายวันอยู่ แต่ยังมีเวลาให้ทำใจบ้าง ต้องเข้ากรม วันที่ 1 พ.ย. 2012 ( 7 เดือน ) ฝึกทหารใหม่เป้นเวลา  10 สัปดาห์ ( 2 เดือนครึ่ง )

ภาพประกอบบทความ ไม่มีผมอยุ่ในนี้นะ ไม่ต้องหา ^^"


ช่วงเวลาที่นับถอยหลังรอเข้ากรมนั้น ก็เป็นอะไรที่ทุกข์ร้อนมาก ไหนจะต้องทำเรื่องขอลาพัีกงาน (หรือลาออก) เรื่องแผนการเงินที่วางไว้ ต้องล่มลง ( มีเป้าหมายส่วนตัวไว้บ้าง จะมาถึงในสิ้นปีนี้ 2013 ) และทำขึ้นมาใหม่ ปรับแผนปรับเป้า เรื่องการออม + ลงทุน เรื่องต่างๆ อีกมากมาย ถาโถมเข้ามาไม่มีหยุดหย่อน แต่ จะทำยังไงได้ล่ะ ก็มันเป็นหน้าที่ของชายไทย (ที่ไม่ได้เรียน รด.) ยังไงก็ต้องเข้าไปรับใช้ชาติอยู่ดี ยังโกรธมือตัวเองอยู่เลยที่ซุกซนไปจับโดนใบแดง

ผมก็ได้แต่นั่งนับวันรอเข้ากรม แต่ละวันก็ใช้เวลาชีวิตให้คุ้มค่ามากที่สุด หาหนังสืออ่าน ศึกษาเรื่องการลงทุนต่างๆ มากมาย เพื่อหาเงินชดเชยเงินเดือนที่หายไปในช่วง สองสามเดือนนั้น (ปกติผมอัดเงินเข้าพอร์ตต่อเดือนเยอะอยู่ ประมาณ 75% เพราะรายจ่ายไม่มาก ไม่มีหนี้ + น้ำมันฟรี (บ ออก) เงินออมก็มีติดพอร์ตนิดหน่อย ที่เหลืออัดเข้าหุ้นหมด (สมัยนี้ การเอาเงินออกมันไม่ยากเลย กดขายทิ้ง ส่งคำสั่งถอนเงิน วันสองวันก็ชักเงินออกมาได้แล้ว)

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เดือน ห้า หก เจ็ด แปด ความกดดันก็เริ่มเข้ามา ร่างกายก็ไม่แข็งแรงอยู่ละ ยังต้องเข้าไปฝึกออก ต้องลำบากแน่ๆ ใจก็คิดแบบนั้น แต่ก็ออกกำลังกายบ้างตามเวลาว่างที่มี

ทุกวันเวลาที่หมุนผ่านไป มีค่ามาก ไม่เคยปล่อยไปให้สูญเปล่าไปเลย เพราะมันมี Deadline ที่แน่นอน คือ Nov 1, 2012 และ Milestone นึงที่สำคัญในชีวิต คืิอก่อนวันเกิด Nov 4, 2013 ( อายุ 24 ) - เป็นสิ่งที่ตั้งมาเพื่อกระตุ้นตัวเองเฉยๆ ให้ไขว่คว้าเอามันมาให้ได้

ยังไม่จบแค่นั้น เรื่องนึงที่เครียด คือ ทำยังไงกับพอร์ตการลงทุนดี(วะ) ไม่อยุ่สองสามเดือน ทางเลือกตอนนั้น ก็มีอยู่หลายทาง คือ
1). ล้างพอร์ต
2). ขายที่มีออกไปครึ่งนึง Play Safe
3). ปล่อยไว้อย่างนั้น ให้มันทำงาน

พินิจพิเคราะห์อยู่นาน กับหุ้นที่ถืออยู่ในมือประมา๊ณสี่ห้าตัว กับภาวะตลาด ณ เดือน ก.ย. ต.ค. ผมเลือกข้อสามครับ ถือหุ้นเอาไว้อย่างนั้น 90% อีก 10% เก็บไว้เป็นเงินสด ถือซะว่าเราเลือกมาดีแล้ว ไม่อยู่แค่สองสามเดือนเอง ปล่อยหุ้นมันทำหน้าที่ของมันไป

สามเดือนที่อยู่ในนั้น ช่วงเดือนแรก เหมือนโลกมืดเลยครับ ไม่รุ้เรื่องราวภายนอก ตลาดเป็นไง หุ้นเป็นไงบ้างไม่รุ้ ทีวีไม่มี โทรศัพท์ไม่มี ญาติไม่ได้เยี่ยม ได้แต่เชื่อมือตัวเองเท่านั้น ว่าพอร์ตที่ปั้นมาจะไม่เป็นอะไร

พอช่วงปลายๆเดือน เริ่มได้เยี่ยมญาติ ได้เล่นมือถือ เปิดราคาดู แต่ไม่เห็นกราฟ ตลาดมันยังไซด์เวย์ครับ  ลงๆ ไป แล้วก็บาวน์ขึ้นมา พอร์ตก็ขึ้นๆ มานิดหน่อย (เพราะเล่นตัวเล็ก-กลางๆ ไม่เล่น SET50 555)  ก็ปล่อยมันอย่างงั้น ไม่ได้ทำอะไร พอถึงเดือน ธค หุ้นขึ้นกระจายเลยครับ พอร์ตโตขึ้นอีก ก็คิดว่า ตูรอดละ เลยขายทำกำไรไปบ้าง ปรับพอร์ตนิดหน่อย โอนเงินเข้าเพิ่ม รับหุ้นเพิ่มมา แล้วถือยาวจนมาถึงตอนนี้ที่เขียน Entry นี้อยู่ ก็ถือว่าพอร์ดรอดตัวไปได้

Sideway ตั้งกะต้นเดือน 10 จนสิ้นเดือน 11 ก็เบรคไฮขึ้นไปได้ สวยๆ


สำหรับมือใหม่ๆ ที่เล่นหุ้น คงไม่รุ้หรอกว่า การไม่ได้เห็นพอร์ตตัวเองเป็นเดือนๆ เนี่ย เป้นยังไง (ปกติ ก็เปิดดูกันทุกวัน หรือวันเว้นวัน เลยด้วยซ้ำ มิใช่รือ?) แต่ตอนนี้ ทำให้ผม "นิ่ง" เป็นแล้ว คือ หุ้นขึ้นมา ก็ไม่ขาย ถ้ากราฟไม่เสียทรงจริงๆ ไม่ถึงจุดคัท (กราฟเซ็ท สวยจะตาย จนถึงตอนนี้ก็ยังสวย - ใครที่มีเฟสผม จะเห็นนานๆ ทีผมอัพกราฟปู่ แล้วบอกว่ามันสวย) ตอนนี้มันก็ยังสวยอยู่ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะขายลดพอร์ตออกไปตอนนี้ + ถ้าเรามีหลักการเลือกหุ้นที่แน่นอน ( CANSLIM สำหรับผม ) และแน่วแน่กับหลักการมาตลอดไม่ใช่ตอนซื้อพูดอย่างตอนอยากขายเป็นอีกอย่าง ก็ขอให้เชื่อในมือตัวเองเถอะ ไม่ใช่กลับกรอกไปมาแล้วไม่ได้ไรสักอย่าง

แต่สิ่งที่ผมต้องฝึกตอนนี้ก็ยังมี คือ การเพิ่ม Position เข้าถือเพิ่มเมื่อกำไรมาพอตัว - รู้สึกว่าเรื่องนี้ยังอ่อนมาก ต้องปรับปรุงในปีนี้

2.เรื่อง Currency Trading: แข่งเทรดจนได้เป็นเทรดเดอร์ฝึกหัดของ Mudleygroup

ถัดจากเรื่องแรก ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับ หุ้นซะส่วนใหญ่ ก็มาถึงเรื่องที่สอง คือการเทรดค่าเงิน ที่เริ่มเทรดจริงๆ ตั้งแต่ต้นปี 2012 พอโดนใบแดงปุ๊บตอนต้นเดือน 4 ผมเขว เลยครับ เทรดเสียตลอด ล้างพอร์ตรอบสองรอบ พอประมาณเดือน 5 เลยเลิกเทรดเลย รุ้สึกว่า จิตใจตัวเองมันไม่นิ่ง มันไม่ไหวแล้ว เลยขอหยุดเทรดมาตั้งหลัก พิจารณาตัวเอง (และระบบ) กันอีกที หาหนังสือ บทความอ่าน เรื่องจิตวิทยา ระบบเทรด และอื่นๆ

การตั้งหลักของผม ก็คือทบทวนที่ผิดพลาดไปนั่นแหละ หลักๆ ก็บ้านๆ แหละครับ Overtrade ไม่มีวินัย เลื่อน Stop Loss ใช้อินดี้ผิดแบบ อะไรพวกนี้

ก็เลยเริ่มต้นใหม่ ทำระบบใหม่ไปเลย เริ่มไปขุดกรุ อินดี้ ศึกษาใหม่ตัวหลักๆ ทุกตัว ว่ามันใช้ยังไงอะไรยังไง

พอสุดท้าย ผมเลือกที่จะอยู่กับ Chart Pattern ครับ ประมาณสิ้นเดือน 6 ผมเลือกถอดอินดี้ออกไปทั้งหมด เหลือไว้แต่เส้นค่าเฉลี่ย + MACD แล้วก็เทรดไปแบบนั้น + ได้เจอคู่โปรด GBPAUD ก็กอบโกยที่เสียไปกลับมาได้บ้าง + เริ่มสนใจในแนวทาง Price Action แต่ยังไม่ได้ศึกษาอะไรมาก

พอช่วงเดือน 7 - 8 ก็เริ่มได้ไปอ่านบทความพวก Hedge Fund มากขึ้นเรื่อยๆ + ไปนั่งไล่อ่าน Blog ของพี่ต้าน MudleyGroup ทั้งหมด ค้นกระทู้ในพันทิพอ่าน 9ล9 เพื่อจะดูแนวคิด+วิธีว่าพวกกองทุนเขาเทรดกันยังไง ผมเลยคิดที่จะเลิกๆ Discretionary Trading ไปครับ (คือ การเทรดเข้าออก ตามใจ ที่เห็นสมควรของตัวเทรดเดอร์เอง) แล้วสนใจ KZM ขึ้นมาแทน เลยอยากที่จะมาประยุกต์ใช้กับพอร์ต FX บ้าง ก็ได้รับการอนุเคราะห์ นัดติวโดยพี่ท๊อป @trade_your_way คนเดิม ผุ้ที่จุดไฟ CANSLIM ให้ผม (555+) และศึกษาเองเพิ่มเติม มาเรื่อยๆ
ต้องขอขอบคุณพี่ท๊อป มา ณ ที่นี้

KZM 101


พอช่วงปลายเดือน 8 ที่ตนเองสนใจเทรดตลาดนอก + ค่าเงินอยู่แล้ว พี่ต้าน Mudleygroup ก็ได้เปิดแข่งเทรด SP500 ขึ้นมา มีรอบแข่งแรกในเดือน 9 ผมก็ตัดสินใจลงแข่ง ขำๆ ไม่ได้จริงจังอะไร เพราะคิดว่า คงไม่ชนะหรอก คนเก่งๆ มีเยอะแยะ+ เราจะไปชนะได้ไง เป็นมนุษย์เงินเดือน เข้า8ออก5

การแข่งของพี่มัด หลายๆ คนคงทราบอยู่แล้ว รอบเดือน 9 นั้น บช เดโม 100k USD มีกระสุน 15 นัด นัดละ 0.1 Lot ห้ามปิดโพชั่นติดลบ รวมๆ คือ 1.5 Lot วิธีการเล่นของผมในตอนนั้น จะอิงกับ Sentiment ตลาดในช่วงนั้นด้วย ผลก็คือ ผมเล่น Long Only ครับ เพราะเก็งว่า ยังไงก็มี QE แน่ๆ ก็เล่นตามเกมไป โซนก็วางยังมั่วๆ ไม่ค่อยเป็น ยิงตามความรู้สึกตัวเองเป็นส่วนใหญ่ แต่ ไม่ได้อัด Lot มัดกระสุนยิงทีละหลายนัดแบบที่ท่านอื่นๆทำ

Thank for QE3, I've join with Mudleygroup ^^


ส่วนใหญ่โพชั่นที่เล่น จะถือยาว เปิดวันจันทร์ ปิดวันศุกร์ (เพื่อปิดกำไรทำลำดับ) บางโพชั่นก็ถือข้ามวีคไป ดัชนีมันก็เปิดโดด ขึ้นไปเรื่อยๆ ปิดสัปดาห์แรก ช๊อคมากก ได้ที่ สอง >< ตอนนั้น อึ้งมากครับ ทำไรไม่ถูก ได้แต่คิดว่า เห้ย ของมันจะมาว่ะ พยายามทุ่มๆ ไปละกัน

พอแข่งจบเดือนนั้น กอดรัดฟัดเหวี่ยง คนอื่นๆ ก็ไล่เราขึ้นมา เราก็ต้องหนีดิ สรุปก็ฟาดฟันแบบฉิวเฉียดครับ เข้ารอบถัดไปในลำดับที่ 3 ได้เป็นเทรดเดอร์ฝึกหัดของ Mudleygroup ต่อไป

Long Only ทุก Position ที่เห็น DD ตอนหลังคือ ปิดโพชั่นตอนแข่งเสร็จสิ้นเดือน (+4.ปลายๆ% ได้ที่ 3 ไป)


สำหรับความรุ้ ประสบการณ์ ที่ได้มา ก็มาแบบมึนๆ ครับ ส่วนใหญ่ จากที่นั่งไล่อ่านบลอคของพี่มัดมา จะไม่ค่อยรุ้หรอกว่าบทเรียนไหนนำไปใช้ยังไง อ่านจบไปแบบงงๆ จนพอใช้ไปแล้ว มานั่งคิดดู มันพ้องกับสิ่งที่ทำไปพอดี เราก็ อ่ออ เออว่ะ ไอนี่มันเป็นแบบนี้ ก็ ต้องขอขอบคุณพี่ต้าน Mudleygroup ที่แบ่งปันความรุ้แบบไม่มีปิดบัง + จัดแข่งเทรดขึ้นมานะครับ

สรุปก็คือ จะใช้ KZM มาเป็นแนวคิดหลักในการเทรดค่าเงิน โดยประยุกต์ใช้มาทำเป็นระบบของตัวเอง ก็ การเรียนรู้ยังไม่ได้หยุดสิ้นสุดแค่ตอนนั้น ตอนนี้ก็ยังศึกษาอยู่ แต่ยังติดภาระที่เป็นทหาร เลยยังไม่ได้เทรนรอบสองของ Mudleygroup ต่อเลย (ได้แข่งรอบสอง เทรด WTI อยู่ 3 สัปดา์ห์ ช่วงเดือน 10 )

ช่วงที่เทรด WTI แข่งรอบสอง พร้อมๆ กับพี่นัท และพี่ไอ ก็ได้พยายามนำความรุ้ KZM ไปใช้ ปนๆ ลงไป ทำให้เป็นระบบ เป๊ะบ้างมั่วบ้างไปตามสภาพ แต่ก็แข่งได้แค่สามวีค พอวีคที่สี่ ก็ขอลาพี่ต้านไปเข้ากรม

สรุปจำนวนเงินที่ใช้ กับการแพลนที่จะเทรด KZM WTI กอง A

กอปรกับ ช่วงเวลานั้น (เดือน 10) ก็ศึกษา KZM เพิ่มเติมด้วย โดยวางแผนที่จะทำ KZM บน WTI โดยระบบที่คิดขึ้นมาเอง บางท่านอาจได้เห็นแผ่นกระดาษวางแผนที่ผมทำแล้ว เป็น KZM ที่มีแต่กอง A เทรดได้ที่น้ำมันทุกราคาตั้งแต่ 0-100 (เกิน 100 ไปก็สบายละครับ ซื้อรวบตั้งกะ 76-80 ก็กินนิ่มละ) แต่ีระบบยังไม่ทันได้เป็นรูปเป็นร่างอะไร ก็สิ้นเดือน ตุลา ซะแล้ว ก็ไม่ได้รันระบบจริงๆ ต้องเข้ากรมไปเป็นทหารก่อน

แต่การเข้ามาเป็นทหารก็ไม่ได้เลวร้ายซะทีเดียว มันทำให้ผม มองเห็นภาพของ Unit Trading ชัดเจนมากขึ้น ทุกหน่วยรบของเรา มีหน้าที่ของตัวมันเอง ไม่ได้เกี่ยวกับหน่วยอื่น ถ้าเราจัดสรรปันส่วนมันอย่างดีแล้ว + utilize มันให้เต็มที่ ตามภาระหน้าที่ "คลอบคลุมพื้นที่" ตามหน้าที่ของมัน และไปปล่อยขาย ในราคาที่ควรจะขาย แล้วรับกลับเมื่อลงกลับมาที่เดิม เพื่อทำ Cash Flow ถ้าวางแผนมาครอบคลุมอย่างดี คัฟเวอร์ทุกโซนแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว (ระบบจะเซฟไปด้วยซ้ำ ถ้าวางแผนไปจน น้ำมันราคาเป็น 0 ) 

+ ทำให้ผมเห็นภาพชัดเจนขึ้น เรื่อง "คำสั่งของผู้ับังคับบัญชา เหมือนบัญชาจากฟากฟ้า" - ง่ายๆ ครับ สั่งหมอบก็ต้องหมอบ สั่งลุกก็ลุก ลุกหมอบอยุ่ครึ่งชั่วโมงก็ต้องทำ หัวปักพื้นก็ปัก ในสมรภูมิจริงๆ ที่ระเบิดฉิวเฉียดหัว นกหวีดดัง สั่งพุ่งหมอบ ให้ระเบิดพุ่งผ่านหัวไป ถ้าไม่เชื่อฟัง ผบช จะพาลทำให้เสียแผน อาจทำให้ฝั่งเราพ่ายแพ้ก็เป้นได้ ไม่ใช่เสียหายแค่เราคนเดียว และ KZM เป็นการรบแบบทหาร (หรือกองโจร) อยู่แล้ว ก็ทำให้ภาพนี้มันประทับเข้าด้วยกันพอดี ไม่มียึกยักที่จะเข้าออกคำสั่ง

พอออกมาจากกรม ก็เลยทำการลองเทรดจริง แต่ไม่ใช่ WTI หรอกครับ เป็น EURGBP ตามภาพข้างล่าง





ก็ลงอีหรอบเดิมครับ ลองรันไป เืทรดไป ไม่รุ้ว่าอะไรคืออะไร สิ่งต่างๆ ที่ได้อ่านมา มันก็มารุ้ตัวหลังทำไปแล้ว คิดไปคิดมา ปรับปรุงไปเรื่อยๆ ได้โมเดลใหม่ออกมา ก็ออกมาเป็น Hedging KZM EURGBP ตามภาพข้างล่าง แต่ยังไม่ได้รันทดสอบจริงๆ  เป็นระบบ KZM ที่มีการ Hedge ฝั่ง Downside ไปด้วย เพราะเราไม่สามารถแบกรับภาระขาดทุนได้ครบทุกโซน (ถึงทำได้ก็ต้องใช้เงินมาก ถึงจะเทรดได้ครบสี่กอง น่าจะต้องมี 32,000 USD ไว้ทดลองระบบ  - ใครมันจะยอมเสี่ยงลองล่ะ โด่ววจ่าาา)

จึงต้องมีการ Hedge ด้วย มีครบ 4 กอง ABCD +กอง HA-HD อีกสี่กอง รวบเป็น 8 ใช้เงินแค่ประมาณ 3,500 USD เท่านั้น มีกระสุนอยู่หลายร้อยนัด ก็เทรดได้แล้ว ข้อแม้ง่ายๆ คือ ถ้าราคาหลุดโซนลงมา ต้อง Hedge Long Position ที่ติดอยู่ด้านบนทั้งหมด จนกว่ากราฟจะกลับตัวขึ้นไป (เผลอๆ ไปปิดโซนล่างๆ ทำ Cashflow จาก Downside ได้ด้วย)

โดย AB เข้าออกตามโซนราคา CD เข้าโดยสัญญาณทางเทคนิคจาก Chart Pattern+Price Action

สักวันคงได้รันโมเดลนี้จริงๆ รอก่อนนะ Hedging FX KZM

โดยการคำนวนวางแผนระบบนั้น ผมจะคิดแบบ Worst Case Scenario คือ ติดทุกไม้่ ทุกราคา ตามโซนนั้นๆ (ซึ่งในความเป็นจริง เราก็คงติดไม่ครบทุกโพสิชั่นหรอก เห็นตลาดมันกลับตัวลงมา อย่างมากก็เข้าแต่กอง A ตามหน้าที่ BCD ถ้าไม่เห็นสมควรก็ไม่ทำงาน) แต่ที่คิดคำนวณคือ โง่ที่สุด ติดทุกกอง ทุกไม้ จนราคาลงไปถึงต่ำสุดที่วางแผนไว้ จะต้องมีเงินเท่าไรเพืิ่อ Regulate Port ไม่ให้โดน Call

เพราะงั้น พอเทรดจริงๆ บางสิ่งบางอย่างอาจปรับเปลี่ยนกันได้ครับ เพราะเราคิดไว้แล้วว่า Worst Case มันจะเป้นยังไงต้องใช้เงินเท่าไร

ก็ขอจบห้วนๆ ลง ตรงนี้ นะครับ ร่ายมายืดยาวมากแล้ว หิวข้าว ^^"

เจอกัน Entry หน้า เรื่องอื่นๆ

Popular posts from this blog

สถานการณ์ด้านพลังงานของประเทศไทย

KZM EURUSD System Explanation + 1st Week Result

เทคนิคอ่านงบการเงิน: ดร.วรศักดิ์ ทุมมานนท์

แนวคิดเกี่ยวกับระบบเทรด Forex ของผม [iCloud] และรายละเอียดอินดี้แต่ละตัว

จิตวิทยาการลงทุน : สุดารัตน์ ทิพยเทอดธนา