The six principles of Special Operations - หกองค์ประกอบของปฏิบัติการพิเศษ
ช่วงนี้ บ้าอ่านหนังสือทางทหารเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ต้นปี อ่านจบไปแล้วสามเล่ม
No Hero
No Easy Day
American Sniper
บทความนี้ได้มาจากการอ่านจากหนังสือเล่มนี้
Spec Ops: Case Studies in Special Operations Warfare: Theory and Practice
Special Forces?
ปฏิบัติการพิเศษ (SF: Special Forces Operation) นั้น เป็นเบื้องหลังความสำเร็จของกองทัพทหารประเทศต่างๆ ทั่วโลก SF ที่มีชื่่อเสียงโด่งดัง เช่น หน่วย SEAL, SAS เป็นต้น โดยหน่วยต่างๆ เหล่านี้ ผู้คนส่วนใหญ่ต่างรับรู้ว่าต้องผ่านการฝึกฝนที่ทรหดอย่างมาก ทั้งร่างกายและจิตใจ (อาจถึงตายได้ก็มี) และแนวคิดต่างๆ ของหน่วยรบต่างๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่น่าสนใจและควรศึกษาไว้
ทำไมหน่วยรบพิเศษจึงน่าสนใจ?
- ส่วนใหญ่ใช้จำนวนน้อย (แค่เท่าที่จะเป็น) และสามารถเอาชนะทหารฝ่ายตรงข้ามที่มีจำนวนเหนือกว่ามากได้ อาจจะ 1:5 หรือ 1:10 ขึ้นไปก็มี
- เต็มไปด้วยอุปกรณ์การรบอันทันสมัย ทั้งเบื้องหน้า (อาวุธ เครื่องป้องกัน) และเบื้องหลัง (หน่วยข่าวกรอง ระบบข้อมูลข่าวสารต่างๆ)
- สามารถช่วยลดความฝืดเคืองทางการรบ (Friction of War) ให้ลงมาอยู่ในภาวะที่จัดการได้ เพราะภารกิจหลักๆ ของหน่วยรบนี้จะค่อนข้างเฉพาะเจาะจงเป้าหมาย คือ ทำลาย กำจัด หรือช่วยเหลือ เท่านั้น (Destruction, Elimination or Rescue) ทำให้สามารถดำเนินการรบต่อไปได้ เพราะความเหนือกว่าสัมพัทธ์ได้เกิดขึ้นแล้ว (Relative Superiority) (ยกตัวอย่างที่คนใหญ่รู้จักก็ ภารกิจ Osama Bin Laden ก็ใช้หน่วย SEAL ในการดำเนินภารกิจ (หาอ่านได้จาก No Easy Day - อ่านจบแล้ว สนุกมาก) เช่นเดียวกับ Chris Kyle ในหนัง American Sniper เป็นต้น ก็เป็น SEAL คนนึงเช่นกันที่เป็นหน่วยเสริมให้กับภารกิจทางการทหารในแถบตะวันออกกลาง)
Relative Superiority Chart |
The six principles of Special Operations
The six principles of Special Operations นั้น เท่าที่ค้นหาดู เป็นบทงานวิจัยทางการทหารของ McRaven, William H. - NAVAL POSTGRADUATE SCHOOL MONTEREY CA หรือผู้แต่งหนังสือเล่มนี้นี่เอง รายละเอียดนั้นพูดถึงเกี่ยวกับ สิ่งที่มีผลทำให้ภารกิจต่างๆ บรรลุลงไปได้ โดยจะไล่มาตั้งแต่ก้นของสามเหลี่ยมด้านล่าง ไล่ขึ้นมาถึงยอดด้านบน (หมายถึงการต้อง Balance สิ่งต่างๆ เหล่านี้) ตั้งแต่ขั้นตอน การวางแผน การเตรียมการ และการดำเนินการ โดยสิ่งต่างๆ เหล่านี้ มีอยู่ในทุกขั้นตอน แต่น้ำหนักของแต่ละขั้นจะต่างกัน ดังสามเหลี่ยมในภาพ
เครดิตภาพ จากบทวิจัย : The Theory of Special Operations
1.Simplicity
การทำสิ่งต่างๆ ให้ง่ายขึ้น จะทำให้ภารกิจต่างๆ เสร็จสิ้นได้ง่ายขึ้น
ความซับซ้อนนั้นทำให้เกิดการเสียเวลามากขึ้นในการปฏิบัติการ ความง่ายของภารกิจนั้นควรจะอยู่ในขั้นที่หน่วยงานสามารถปฏิบัติได้ และไม่จำเป็นต้องคิดอะไรในทุกๆ ขั้นตอนการปฏิบัติงาน เพราะได้ฝึกซ้อมสิ่งเหล่านั้นมาหลายครั้งแล้วว่าจะต้องทำอะไรบ้าง (เช่นการยิง เข้าที่กำบัง ปล่อยตัวจากเครื่องบิน บุกเข้าช่วยตัวประกัน ฯลฯ) เพราะการปล่อยให้กองกำลังคิดจริงในสนามรบแล้ว เป็นการเพิ่มความเสี่ยงและความผิดพลาดเป็นอย่างมาก (อาจเปิดช่องว่างให้ฝ่ายตรงข้าม หรือเกิดการกระทำที่ไม่คาดคิดขึ้น) องค์ประกอบสำคัญของ Simplicity คือ
1.1 Limiting Number of Objective - จะจำกัดไปถึงการฝึกฝน จำนวนคนที่ต้องการ เวลาที่ใช้ในการปฏิบัติงาน และยังลดจำนวนของตัวแปรเคลื่อนไหวที่ต้องควบคุมอีกด้วย
1.2 Good Intelligence - ลดตัวแปรที่ไม่รุ้ พิจารณาเฉพาะตัวแปรที่สำคัญ
1.3 Innovation - เป็นการนำเทคโนโลยี หรือ Know How ต่างๆ มาเพื่อหลีกเลี่ยง/กำจัดอุปสรรคต่างๆ หรือทำให้เกิด Surprise หรือทำให้ภารกิจเสร็จสมบูรณ์โดยเร็วได้
ซึ่งอย่างไรก็ตาม เราก็ยังต้องมีแผนสำรอง เผื่อมีเหตการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น (Always have Plan B) โดยปกติแล้วในขั้นตอนวางแผน สิ่งต่างๆ มักจะสลับซับซ้อนขึ้นไปเรื่อยๆ แต่เราสามารถทำมันให้ง่ายลงได้ (Simplification) แต่สิ่งที่ต้องจำเอาไว้ คือ
'A thing should be as simple as possible, but no simpler'. - Albert Eistein
|
2.Security
โดยหลักแล้ว ปฏิบัติการพิเศษนั้นจำเป็นที่จะต้องถูกเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด ตั้งแต่ต้นน้ำ (วางแผน) กลางทาง (เตรียมการ) จนถึงปลายน้ำ (ปฏิบัติการ) ต่อทั้งคนนอก และฝั่งตรงข้าม โดยจะมีเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่สามารถรู้ได้ (หรืออาจจะแค่รู้ตอนนาทีสุดท้าย!) จุดประสงค์ก็คือ ไม่ให้ฝั่งตรงข้ามสามารถรู้ล่วงหน้าหรือเตรียมแผนรับมือ หรือให้ตัวเองอยู่ในฝั่งที่เหนือกว่าได้ (นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราไม่ควรบอกออกไปทุกการกระทำ) และสิ่งนี้จะกระทบไปถึงองค์ประกอบส่วนอื่นด้วย คือ Surprise
3.Repetition
สิ่งต่างๆ นั้น ในขั้นเตรียมการ ต้องถูกฝึกฝน ฝึกซ้อมจากทุกฝ่าย (จนแทบที่จะเป็น Routine) ทำซ้ำจนชำนาญในงานของตัวเอง รุ้ว่าจะต้องทำอะไร (ทำไม่ต้องคิด) และสามารถต่อยอดไปถึงการคิดเองได้ว่าจะต้องทำอะไร เช่นหน่วยช่วยตัวประกัน วางระเบิด ทำลายสิ่งปลูกสร้าง เป็นต้น ภารกิจเหล่านี้ต้องถูกซ้อมมานับครั้งไม่ถ้วน จุดประสงค์ของการฝึกซ้อมก็เพื่อให้เรามีการคุ้นชินต่อการตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆ (Threat) และการฝึกซ้อมยังเป็นสิ่งที่ทำให้ภารกิจลื่นไหลได้ดีมากขึ้นอีกด้วย
4.Surprise
Manned Torpedo หน่วยรบพิเศษของอิตาลี ที่ใช้โจมตีเรือรบของอังกฤษที่ครองน่านน้ำไว้ในช่วงสงคราม |
ภารกิจพลีชีพของญี่ปุ่น ในสมัยสงครามโลก |
คำจำกัดความของคำนี้คือ "The ability to strike the enemy at a time or place, or in a manner, for which he is unprepared" นั่นหมายถึงการทำสิ่งที่ฝั่งตรงข้ามไม่ได้คาดคิดหรือเตรียมการเอาไว้ และยากต่อการคาดเดา (เช่นการบุกรุกยามค่ำคืน, เวลารุ่งสาง, การโจมตีโดยอาวุธแปลกๆ เช่น Manned Torpedo เป็นต้น) ซึ่ง Surprise นั้นเป็นตัวแปรที่สำคัญมากในการได้มาซึ่ง Relative of Superiority ที่เป็นตัวแปรสำคัญในการรบ
5.Speed
Flying Russian Attack |
ทำภารกิจของตัวเองให้รวดเร็ว เสร็จสิ้นสมบูรณ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ การ Delay หรือวอกแวกกับสิ่งเร้าอื่นๆ แค่เพียงเวลาไม่กี่วินาทีก็ชี้เป็นชี้ตายได้ เป็นการเพิ่มพื้นที่ของความไม่แน่นอนมากขึ้น และลดโอกาสในการกุมความเหนือกว่าในการรบได้
"As with all things in war, Speed is Relative"
ซึ่งโดยปกติแล้ว หน่วยรบพิเศษต่างๆ จะเจาะจงอาวุธและสิ่งของพกพา เพื่อบรรลุภารกิจอย่างใดอย่างนึงในเวลาอันรวดเร็วเท่านั้น (เช่น รีบเจาะจงในเวลาที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ทันตั้งตัว ทำให้ความเหนือกว่าทางการรบอยู่ในมือเรา แต่ถ้าปล่อยไว้นานจนสามารถตั้งตัวได้ สิ่งนี้ก็จะหายไป) ซึ่งนั่นหมายความว่า พวกเขาอาจไม่สามารถตรึงกำลังในระยะเวลายาวนานได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมความเร็วจึงสำคัญ
6. Purpose
ภารกิจต้องมีจุดประสงค์ที่แน่ชัด เข้าใจง่าย และทุกคนรู้ว่าจะต้องทำอะไรอย่างไร ซึ่งหน่วยรบนั้นต้องตระหนักและเข้าใจถึงหน้าที่ของตัวเอง และผลกระทบต่อคนอื่นๆ ในภารกิจนั้นๆ ด้วย ซึ่งจุดประสงค์ในการรบนั้น หน่วยรบทุกคนจะต้องมี Personal Commitment ด้วย ซึ่งสิ่งนี้เป็นตัวแปรสำคัญในยามวิกฤต ที่ตัวเขาเหล่านั้นจะต้องทำภารกิจให้ลุล่วงให้ได้ เพราะเขาได้ Committed บางอย่างไว้แล้ว (บางภารกิจ ก็มีการตีตั๋วพลีชีพขาเดียว ไปแล้วไม่ต้องกลับ (แต่บางคนก็รอดมาได้แบบงงๆ) โดยเน้นการปลุกระดมเรื่องอุดมการณ์ต่างๆ เป็นต้น)
"When a man is moved by pure enthusiasm and by the conviction that he is risking his life in a noble cause, he provide the essential elements for success" - Otto Skorzeny
องค์ประกอบหกอย่างเหล่านี้ อาจนำไปประยุกต์กับแนวคิดต่างๆ ได้ ก็ขอให้ลองนำไปใช้กันดู