Posts

Showing posts from November, 2011

Study real SET case: Pocket Pivot Point (O'Neil CANSLIM's Student)

Image
เพิ่งอ่าน Trade like an O'Neil's Disiple ไปได้ครึ่งเล่ม เลยมาลองหาเคสจริงนิดหน่อย :) หุ้นที่ศึกษาตัวนี้ เป็น Classic CANSLIM เลยทีเดียว (ว่ากันอย่างงั้น ) ที่ผมเอามาใช้ คือวิธีของผู้แต่ง Trade like an O'Neil's Disiple มาปรับปรุงอีกที ก็ยังเป็น Trend Follow เหมือนเดิม โดยวิธีการซื้อที่จุด Pocket Pivot Point ที่แกคิดขึ้นมาเนี่ยก็พัฒนามาจาก Pivot Point ของจารย์ O'Neil นี่แหละ โดยคำว่า Pocket เนี่ย ก็มาจาก เหมือนเป็นการเคาะซื้อในขณะมือล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ (ยังไม่เป็นจุดสนใจที่ใหญ่มากนักในตลาด - เมื่อเทียบกับ Pivot Point ของอาจารย์แก ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนกว่า จากการเบรคเอาท์ที่นิวไฮ หลังทำ Cup and Handle อะไรพวกนี้ แล้วก็จะทนต่อการเด้งที่เส้น 10 20 ได้มากกว่าการซื้อที่ Pivot Point เพราะว่ามีทุนที่ต่ำกว่า เพราะแอบล้วงกระเป๋ากางเกงเคาะเก็บไว้ไปแล้ว,,ซื้อตั้งแต่ Break out SMA50 - หลักการของ Pocket pivot: จริงๆแล้วยังแบบอื่นๆ อีก) โดยหลักการ ทั่วไป ยังเหมือนเดิมกับแบบ CANSLIM (Cup and handle, XX Week tight close, Volume, Follow through day,distribution day, et cetera..)

17 Keys To Success by Jim Rogers

17 Keys To Success by Jim Rogers (taken from the titles and sub headings of each chapter of the book, "A Gift To My Children"): 1. Do not let others do your thinking for you 2. Focus on what you like 3. Good habits for life & investing 4. Common sense? not so common 5. Attention to details is what separates success from failure 6. Let the world be a part of your perspective 7. Learn philosophy & learn to think 8. Learn history 9. Learn languages (make sure Mandarin is one of them) 10. Understand your weaknesses & acknowledge your mistakes 11. Recognize change & embrace it 12. Look to the future 13. “Lady Luck smiles on those who continue their efforts” 14. Remember that nothing is really new 15. Know when not to do anything 16. Pay attention to what everybody else neglects 17. If anybody laughs at your idea view it as a sign of potential success

Managing Portfolio+เริ่มวางแผนของปีหน้า

Image
Managing Portfolio พอร์ตเริ่มใหญ่ขึ้นมาแล้ว รู้สึกว่ากองไว้เฉยๆ มากไป + ผิดพลาดเรื่อง Position sizing ก็ขอมาจัดการแนวความคิดตัวเองใหม่ ใน Entry นี้ ซึ่ง มันก็งอกขึ้นทุกเดือน (ใส่เงินเพิ่มทุกเดือน) ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ซื้อหุ้นอะไร เพราะงั้นคงต้องพยายามกระจายระดับอัตราส่วนเงินเหล่านี้ไว้ให้ได้ เงินลงทุนทั้งหมด จะแบ่งออกเป็น 3 กอง 1.Main Port ใช้ในการลงทุนระยะยาว 70% จำนวนหุ้นที่จะถือ: โดยประมาณ 3-5 ตัว 2.พอร์ตเก็งกำไรระยะสั้น ใช้เล่นตามสัญญาณซื้อขาย 29% (เลขมั่วไปงั้น เพราะอีกส่วนนึงไปอยู่ที่กองสาม) เทรดตาม Watchlist 3.กองพิเศษ 100$ ลองไปเทรด FX ด้วยเงินจริง สำหรับข้อสามนี้ แนวคิดก็เหมือนกับเราหยอดตู้เกม ใส่เงินไปจำนวนน้อยๆ ให้เรารู้สึกมี Constraint ว่า ทำเล่นๆ ไม่ได้นะ เพราะนี่เงินจริง เงินเราจริงๆ ซึ่งแน่นอนว่าดีกว่า Demo Account ที่แหกกฏกันได้ง่ายๆ เพราะคิดว่ายังไม่ใช่เงินจริง สัญญาณยังไม่มา กดเข้าออกมั่วๆ ก็ได้นี่ไม่เห็นเป็นไร ซึ่งพอเทรดจริง เราก็จะเสียนิสัยเหมือนเดิมนั่นแหละ จะเริ่มทำการเทรดจริงช่วงเดือน ธันวา (หลังกลับไปอยู่บ้านแล้ว ตอนนี้อยู่คอนโด ไม่สะดวกเทรดมาก

30 RULES FOR THE MASTER SWING TRADER

RULES FOR THE MASTER SWING TRADER By Alan Farley Swing trading can be a great way to profit from market upswings and downswings, but as I’ve always said, it’s not easy. Mastering swing trading techniques takes considerable time and effort. To help get you started, here are 30 rules to think about as you begin and ultimately master the swing trading game. Rule 1: If you have to look, it isn’t there. Forget your college degree and trust your instincts. The best trades jump out of nowhere and create a sense of urgency. Take a deep breath, and then act quickly before the opportunity disappears. Rule 2: Trends depend on their time frame. Make sure your trade fits the clock. Price movement aligns to specific time cycles. Success depends on trading the right ones. Rule 3: Price has memory. What happened the last time a stock traded at a certain level? Chances are it will happen again. Watch the tape closely when price returns to a past battleground. The prior action can predict the future. Ru

แง่คิดจากหมากรุก ในการแข่งเกมกลยุทธ์ โดย Mudleygroup

เคยมีคน บอกว่าผมเล่นหมากรุกสไตล์แปลกๆ แม้กระทั่งอาจารย์ของผมเอง (เซียนป่อง) นั่นเป็นเพราะสมัยเล็กนั้นหมากรุกในชีวิตของผม เดินมาในสายของการเดิมพันมาโดยตลอด เพราะพ่อจะต้องไปคุมงานในที่ต่างๆ การเดิมพันก็จะเป็นน้ำอัด ลม รวมถึงข้าวฟรี เป็นต้น ถ้าแพ้ก็จะเสียเบียร์ หรือ ลิโพให้กับคนแถวนั้น สรุปคือผม เดินสายเดิมพันมาตลอด เจอกลยุทธ์ต่างๆมากมายของนักเดิมพันมาพอสมควร ฝีมือหมากรุกผมพัฒนาถึงขีดสูงสุดคือราวๆอายุ 14 ปี ครั้งนั้นต้องต่อสู้กับเจ้าหนูสมาธิ ศิษย์รุ่นพี่ในการแข่งขันถึง 6 กระดาน เรียกได้ว่า อานนท์ที่มาเป็นเพื่อนสมัยนั้นต้องรอตั้งแต่เช้าจนเย็นเลย ทีเดียว สรุปผมก็แพ้ไปในกระดานสุดท้าย แต่เป็นเกมที่ผมประทับใจมากที่สุดเกมหนึ่งในชีวิต ซึ่งทำให้ผมได้จัดว่าเป็นนักหมากรุกดาวรุ่งที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทยขณะนั้น แต่ด้วยหนทางสายนี้ในประเทศไทยยากต่อการดำรงชีวิตจริงในประเทศแห่งนี้ ไม่เหมือนประเทศอื่น ผมจึงต้องวางมือไปเมื่ออายุแค่ 16 ทีนี้มาพูดถึงหลักการและกลยุทธ์พื้นฐานบ้าง หลังจากดูหนังผมเห็นฉากหมากรุกที่หนังพยามสื่อ นั่นหล่ะใช่เลยความจริงที่ผมลืมสัมผัสถึงมันมานาน เคยคิดมั้ยว่า ในเกมท

2011.11.14 การตกรถในรอบรีบาวน์

Image
พลาดเองที่ละเลยการติดตามตลาดไป ช่วงต้นเดือนตุลาคม (หลังจากที่หุ้นตกหนักๆ แล้วเริ่มอยู่ตัวได้) และไต่ระดับกลับมาด้วยความทุลักทุเล สาเหตุที่ไม่ได้ติดตามหุ้นช่วงนั้นเพราะว่าเทรนงานหนัก จนไม่ค่อยมีเวลาตรวจเช็ค ก็โทษใครไม่ได้แหละต้องโทษตัวเอง โทษใครไม่ได้ ผิดแล้วต้องโทษตัวเอง :) มาไล่ซื้อหุ้นตอนนี้ที่ปลายลิ่มก็เหมือนจะไม่ทันซะแล้ว ไปเจอกันข้างล่างยังจะดีซะกว่า รอบที่แล้วพลาดเองที่ตกรถ จากคำแนะนำของพี่เก่ง Raising Wedge ที่เกิดขึ้นในตลาดหมี (หลังจากที่ SET เกิด Deadcross ไปแล้ว) เป็นสัญญาณที่ค่อนข้างมีความแรงมาก ถ้าไม่ Consider Dead cross ครั้งนี้ว่าเป็น False Breakout ล่ะก็ SET ควรจะไต่ระดับกลับไปอยู่ที่ 1020 ให้ได้ แต่ดูจากข้างบนนี้+ Sentiment ทางฝั่งเมกาและยุโรป ท่าจะรอดยาก เว้นแต่ฝรั่งไล่ซื้อหุ้นไทยต่อไปเรื่อยๆ ล่ะนะ เอาเป็นว่าให้ผ่านขอบลิ่มด้านบนให้ได้ก่อนแล้วกัน - -" เพราะ Reversal Pattern อาจจะเกิด Failure ก็ได้ (ถึงจะยากไปหน่อยก็เหอะ) ว่ากันไปตามกราฟละกัน ตามติดแบบไม่แหย่นิ้วต่อไป Current Status :  หุ้น 35: Cash 65 (+ Cash นอกพอร์ต 30) รูปข้างล่างนี้อัพไว้ให้เจ็

TRADE LIKE A PRO

Image
สวัสดี ครับสมาชิกในบอร์ด วันนี้วันว่างมีเวลานั่งพิมพ์ยาวๆ จะมาแชร์เพื่อเป็นประโยชน์ที่ในการเป็นนักเทรดเดอร์แบบมืออาชิพและวิธีคิด ต้องเข้าใจสิ่งที่ทำอยู่และเข้าใจว่าการเทรดจริงๆแล้วมีส่วนประกอบอะไรบ้าง แบบนักเทรดมืออาชีพคิด    หลักการจะแบ่งออกกเป็น 4 ส่วนหลักๆ คือ   1. ความรู้ ความเข้าใจพื้นฐานของกราฟและเคื่องมือต่างๆ คนที่รู้จักเครื่องมือมากมายไม่ได้แปลว่าจะประสพความสำเร็จ นักเทรดมืออาชีพหลายคนจริงๆแล้วรู้จัเครื่องมือแค่ไม่กี่ชนิด แต่นักเทรดมืออาชีพเข้าใจเลือกใช้อุปกรณ์เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่นนักเทรดบางคนใช้เคื่องมือบอกการกลับตัว หรือเครื่องมือบอกทิศทางที่ผ่านมาในอดีต เพื่อกำหนดแนวทางในการเทรดอย่างใดอย่างหนึ่ง ยิ่งมีเครื่องมือมากยิ่งจะทำให้การวิเคราะห์สับสนในการตัดสินใจ    2. จิตใจ นักเทรดมืออาชีพเข้าใจขบวนการในการตัดสินใจ เช่นรู้ว่า สมาธิที่ดีจะมีผลต่ออารมณ์ อารมณ์ที่ดีจะมีผลต่อการตัดสินใจ แล้วเทรดเดอร์เหล่านั้นรู้ว่าในตลาดฟอเรกซ์นั้น สามารถทำให้อารมณ์แปรปวนได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อเกิดเกตุการณ์ขาดทุนติดต่อกัน อาจจะมากถึง

ความน่าจะเป็น : ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

Image
วิธีคิดเรื่องหนึ่งที่ผมเห็นว่ามีความสำคัญมากต่อการที่ จะเป็นนักวิเคราะห์หุ้นแบบ Value Investment ที่ดีก็คือ การคิดคาดการณ์สถานการณ์ในอนาคตแบบที่ใส่  “ความน่าจะเป็น”  หรือ Probability เข้าไปด้วย ลองมาคาดดูสถานการณ์หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เราก็จะพบว่ามีเหตุการณ์น้อยมากหรือแทบไม่มีเลยที่มีความแน่นอนร้อย เปอร์เซ็นต์โดยเฉพาะในเรื่องของเศรษฐกิจหรือตลาดหุ้น แต่เหตุการณ์บางอย่างนั้นมักจะมีความ “แน่นอน” หรือมีโอกาสเกิดขึ้นได้สูงกว่าเหตุการณ์อีกอย่างหนึ่งมาก โอกาสที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นในวันพรุ่งนี้เป็นเท่าไร? ร้อยเปอร์เซ็นต์! โอกาสที่ฝนจะตกในวันพรุ่งนี้ที่กรุงเทพและที่ถนนรางน้ำเป็นเท่าไร? นักพยากรณ์อากาศอาจจะบอกว่า 80% โดยพิจารณาจากภาพถ่ายของกลุ่มเมฆหนาที่ก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าเหนือกรุงเทพใน วันนี้ แต่ถ้าถามใหม่ว่าฝนจะตกไหมในอีก 7 วันข้างหน้า? คำตอบอาจจะเป็น 50-50 โดยที่นักพยากรณ์ไม่ได้ดูกลุ่มเมฆแต่ดูว่าในช่วงฤดูฝนในประเทศไทยนั้น โอกาสที่ฝนจะตกในแต่ละวันคือ 50% การพยากรณ์นั้น ดูเหมือนว่าถ้าพยากรณ์ในระยะเวลาสั้น ๆ ในอนาคต โอกาสที่จะพยากรณ์ได้ใกล้เคียงกับความเป็นจร

Warren Buffett's Math Lesson By Larry Swedroe

Image
  It's safe to say that most people would call Warren Buffett the greatest investor of our generation. And I personally have the greatest respect for him, citing his advice to investors many times. Yet, it seems Mr. Buffett needs a lesson in basic math. I'm referring to his comments that the rich should pay higher taxes -- he should pay a higher tax rate than his secretary . The fact is that he already does, as you'll see. It's only a matter of having the proper perspective. Let's consider two key areas of the tax code, where " first-stage thinking " allows Buffett to conclude that he's paying a lower tax rate than his secretary. Once we view the picture from the proper perspective and engage in "second-stage thinking," you'll see that Buffett's effective tax rate is much higher than it seems. The first example looks at the tax on dividends and capital gains, which are both currently taxed at lower rates than wages or

ข้อคิดการลงทุนจาก Sir John Templeton : พรชัย รัตนนนทชัยสุข

John Templeton ได้จากโลกนี้ไปเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ตอนอายุ 95 ปี ท่านได้รับการยอมรับว่าเป็นนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดท่านหนึ่ง ต่อไปนี้คือข้อคิดบางส่วนของท่านครับ ความมุมานะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างผลตอบแทนแบบเหนือชั้น สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือสามัญสำนึก อย่าให้ตัวเองได้รับอิทธิพลจากความกระตือรือร้น อย่าให้ตัวเองถูกครอบงำด้วยความสิ้นหวัง อย่าซื้อหุ้นที่คุณไม่เข้าใจ ศึกษาหุ้นที่คุณต้องการซื้อไว้ล่วงหน้าเสมอ วางแผนระยะยาว บอกตัวเองไว้ล่วงหน้าเลยว่าจะต้องพบเจอภาวะตลาดหมี เราไม่สามารถคาดการณ์วัฏจักรธุรกิจหรือตลาดหุ้นได้ และเราก็ไม่เคยเจอคนที่สามารถคาดการณ์ได้ถูกต้องมากกว่า 60% เรามักจะบอกลูกค้าว่า ‘อย่าไปกังวลกับเรื่องพวกนี้ เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ ตลาดหมีและความถดถอยทางธุรกิจจะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ เพียงแต่คุณไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไร’ เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เตรียมตัวทางการเงินไว้ อย่าเป็นหนี้เพราะมันอาจทำให้คุณต้องออกจากตลาดผิดเวลา…มันอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ แต่ยังไงซะ ผมก็ไม่อยากจะก่อหนี้อยู่ดี อีกอย่าง คุณต้องเตรียมความพร้อมทางด้านจิตใจเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้คุณตื่นตระหนก

จิตวิทยาการลงทุน : สุดารัตน์ ทิพยเทอดธนา

ช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา ดิฉันได้มีโอกาสไปเดินเลือกซื้อหนังสือมาอ่าน ด้วยปกติที่ทำงานทางด้านการเงินจึงต้องศึกษาหาความรู้และอ่านหนังสือมากอยู่เป็นทุนเดิม แต่เมื่อต้องการพักผ่อนจึงมักเลือกที่จะหาหนังสือที่อ่านสบายๆ และไม่เครียดมากเก็บไว้อ่านยามว่าง แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับไปสะดุดกับหนังสือเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่งเข้านั่นคือ หนังสือชื่อ “จิตวิทยาการลงทุน The Psychology of Investment” แต่งโดย John R. Nofsinger และแปลเป็นภาษาไทยโดย คุณพรชัย รัตนนนทชัยสุข ที่จริงในหลักสูตรการสอนทางการเงินปัจจุบัน ก็ได้มีการนำจิตวิทยาการลงทุนมารวมอยู่ในบางส่วนของหลักสูตรบ้างเช่นกัน ตัวดิฉันเองก็ได้เรียนมาบ้างแล้วเช่นกัน แต่อาจมีหลายท่านที่อาจยังไม่ทราบ จึงอยากเอามาเล่าให้ฟังค่ะ คุณคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ปัจจัยที่เป็นตัวขับเคลื่อนตลาดหุ้น คือ ความโลภและความกลัว โดยนักลงทุนต่างแสวงหาผลตอบแทนคาดหวังที่สูงที่สุด ณ ระดับความเสี่ยงหนึ่งๆ ตามที่เราต่างได้รับการพร่ำสอนกันมาจากตำราทางการเงินมากมาย ที่พยายามคิดค้นเครื่องมือทางการเงินมาช่วยในการตัดสินใจลงทุน แต่ในภาวะความเป็นจริงปัจจุบัน นักลงทุนส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการตัดสิ