Posts

KINTSUGI Part 2

Image
KINTSUGI Part 2 + KINTSUGI ศิลปะในการซ่อมแซมชีวิต อย่ารอไปจนถึงจุดต่ำสุด อย่าจมจ่อมอยู่กับความเจ็บปวด คิดให้ต่าง + กอบเก็บจากเศษซาก อิคิไกของคุณคืออะไร? ค้นหาอิคิไก ก้มเก็บชิ้นส่วนทั้งหมดขึ้นมาเพื่อที่เราจะได้ทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น รู้สึกอย่างไร คิดอย่างไร นี่คือก้าวแรกเพื่อมองสถานการณ์อย่างชัดเจน ทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจที่เกิดขึ้นกับคุณอันเนื่องมาจากเหตุการณ์นั้น การจะก้มลงไปเก็บนั้น เราไม่จำเป็นต้องรอจนกระทั้งทุกข์จนทนไม่ได้ ถ้าคุณอยากรู้สึกดีขึ้นทันที ก็ต้องลงมือทำบางสิ่งบางอย่างทันที เพียงแค่ข้อเท็จจริงที่ว่าชีวิตคุณจะดีขึ้นในวันข้างหน้าก็เป็นเหตุผลที่ดีพอแล้วสำหรับการซ่อมแซมชีวิตในวันนี้ การจบปัญหาหนึ่งไม่ได้หมายความว่าความทุกข์ของคุณจะจบลงด้วย ดังนั้น เราต้องจัดการปัญหาอย่างต่อเนื่อง + วิเคราะห์สถานการณ์ วิเคราะห์เรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ โดยไม่ใส่ฟิลเตอร์แต่งภาพ ฟิลเตอร์ไม่ได้ช่วยอะไร แถมยังเป็นไปในทิศทางตรงข้ามกับความจริงด้วยซ้ำ อย่าจมจ่อมอยู่กับอดีต หยุดกลับไปช้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก เมื่อเราพูดถึงความทุกข์ ประสบการณ์แบบอัตวิสัยนั้นสำคัญกว่าตัวข้อ

KINTSUGI Part 1

Image
KINTSUGI Part 1 Embrace your imperfections and find happiness the Japanese way สรุปคร่าวๆ มาจากหนังสือคินสึงิ ความงามของบาดแผลแห่งชีวิต มีทั้งหมดสามภาค ภาคหนึ่งและสองจะเป็นรายละเอียด ส่วนภาคสามจะเป็นเรื่องของการยกตัวอย่างเคสจากเรื่องหลายๆ แบบ ภาคแรก + มีชีวิตอยู่กับเรื่องเลวร้าย อย่ามัวห่วงว่าตัวเองจะมีความสุขหรือเปล่า แต่ให้โฟกัสไปที่ความเข้มแข็ง รู้และยอมรับความจริงของชีวิตว่า เรื่องเลวร้ายนั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต อย่าหลีกหนี อย่าเพิกเฉย และอย่าปฏิเสธ เราต้องฝึกฝนตัวเองให้มีความสามารถที่จะรับมือและกอบกู้ตัวเองกลับคืนมาหลังเผชิญเรื่องเลวร้ายให้ได้ ถ้าคุณเปลี่ยนแปลงเรื่องเลวร้ายเป็นความท้าทาย คุณก็จะรับมือมันได้ง่ายขึ้นเยอะ เราทุกคนรู้สึกทุกข์แตกต่างกันไป คนที่โวยวายที่สุด อาจไม่ใช่คนที่ทุกข์ที่สุด อย่าสับสนระหว่างความเจ็บปวดกับการแสดงออกถึงความเจ็บปวด + เจ็บตรงไหนกันแน่ ? สรุปแหล่งที่มาของความเจ็บปวด เรื่องเลวร้าย ความสับสน ความผิดหวัง ความเปลี่ยนแปลงโดยไม่คาดหมาย เห็นผิด คิดผิด ความจริง จินตนาการ ความกลัว คาดการณ์ ความเข้มแข็

บทเรียนจากวันวาน

Image
เมื่อวานได้จัดห้อง จัดของ สะสางข้อมูลใน HDD ที่สำรองไว้นิดหน่อย เหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนหลังไปในสเกล สามปี ห้าปี สิบปี ก็ได้ค้นพบข้อมูลเก่าๆ ต่างๆ มากมาย ทำให้ความรู้สึกในอดีตแว่บขึ้นมาเต็มไปหมด ว่าอะไรบางอย่างที่เราเจออยู่ตอนนี้ เราก็เคยเจอมาจากในอดีตแล้ว เพียงแต่เราไม่ได้จดจำ หรือตระหนักมันเอาไว้เท่านั้น อย่าไปฝากความสุขไว้ที่ใคร เราต้องมีความสุขให้ได้ด้วยตัวเอง เรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองให้ได้ ถ้าเรายังหาความสุขให้ตัวเองไม่ได้ แล้วเราจะเอาความสุขไปให้ใครได้ บางครั้งบางเวลา มันเป็นตัวเราเองนี่แหละที่ต้องรู้จักตัวเองให้ดีที่สุด ตัดสินใจอะไรลงไปแล้ว ทำไปแล้ว อย่าได้กลับมาเสียใจในการตัดสินใจของตัวเองภายหลัง ให้เกียรติกับความรู้สึก และเคารพการตัดสินใจของตัวเองด้วย โลกมันเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน อย่าได้แปลกใจถ้าอะไรมันจะไม่เหมือนเดิม ขนาดเราเองยังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เลย อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง เราควรจะยิ้มและยอมรับมัน เปิดใจรับสิ่งต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามา ตามความเป็นจริง Radical Truth is hurt อย่างน้อยสิ่งที่เราพยายามทำอยู่ ก็มีประโยชน์ต่อตัวเราเอง ไม่มากก็น้อย (ไม่ใช่เหรอ)

องค์ประกอบของชีวิตที่ดี

Image
บางครั้งเราก็ไม่สามารถระบุได้ คำว่า ชีวิตดี มีองค์ประกอบยังไง และนิยามของแต่ละคนก็อาจจะไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเปลี่ยนคำถามใหม่ เป็น แล้วชีวิตที่ไม่ดีล่ะ มีองค์ประกอบยังไงบ้าง เราจะพอลิสต์ได้เป็นข้อๆ อยู่ประมาณนึง แล้วคำว่าชีวิตดี ของคนๆ นึง ก็อาจไม่ได้แปลว่าเป็นชีวิตที่ดี ของคนอื่นๆ ก็ได้ ก็แหงะแหละ เพราะนั้นมันคนละคนนี่นา แต่ถ้าเป็นชีวิตของเราเอง เราก็จะออกแบบได้ว่า "เลือกที่จะทำอะไร และเลือกที่จะไม่ทำอะไร" เราก็จะพอหลีกเลี่ยง ที่จะไม่ทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้น ให้เกิดชีวิตที่ไม่ดีขึ้นมาได้ การป้องกันปัญหาไม่ให้เกิด ดีกว่าการมานั่งตามแก้ปัญหา แค่ไม่ทำอะไรแย่ๆ ก็พอคาดหวังให้อะไรดีๆ เกิดขึ้นมาได้ เราไม่สามารถคาดหวังผลลัพธ์ใหม่ๆ ออกมาได้ ถ้าเรายังทำแบบเดิมๆ แต่ทุกอย่างที่ทำ ก็ไม่ได้แปลว่าจะทำให้เกิดชีวิตที่ดีได้ บางอย่างก็ต้องผ่านการเคี่ยวกรำ มันเป็นผลดีในระยะยาว ไม่ใช่ Instant Gratification ทำให้เราต้องอดทนอดกลั้นต่อสิ่งต่างๆ ในระยะสั้น ที่อาจไม่ถูกใจเราอยู่บ้าง แต่เพื่อผลลัพธ์ (คาดหวัง) ในระยะยาว ที่อาจจะเป็นเรื่องดี เราต้องอดทนกับสิ่งนั้นนิดนึง

มุมมองความเสี่ยงในชีวิตประจำวัน

Image
คำว่าความเสี่ยง เราอาจได้ยินมาทั่วๆ ไป และมีมุมมองความเสี่ยง ต่างๆ นานา ต่อเหตุการณ์ต่างๆ รอบตัว ที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคน ที่ประสบพบเจอมาในอดีต ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม (ผ่านการเรียนรู้ด้วยตัวเอง หรือการเรียนรู้มาจากอย่างอื่น) โดยนิยามแล้ว ความเสี่ยงมีนิยามที่หลากหลายมาก ถ้าใครเรียนการเงินมาน่าจะพอเข้าใจ วิชา Risk Management ก็จะมีอธิบายอยู่ยาวเลย ซึ่งถ้าให้นิยามกันแบบง่ายๆ แล้ว ขอดึงมาจากดิคชันนารี ได้แบบนี้ risk noun 1. a situation involving exposure to danger. verb 1. expose (someone or something valued) to danger, harm, or loss. โอเค ซึ่งนิยามความเสี่ยงในแบบของเราคือ เหตุการณ์ หรือ การกระทำที่ทำให้มีโอกาสทำให้เกิดความสูญเสีย หรือความเสียหายเกิดขึ้น และจะขออธิบายเน้นไปในแนวทางของวิชา Risk Management ซึ่งรากฐานที่มาของความเสี่ยงนั้นเราจำแนกได้เป็นสามอย่าง 1. Known Knowns  ความเสี่ยงที่เราสามารถรู้ได้และวัดค่าได้ (Modeled Risk) 2. Known Unknowns ความเสี่ยงที่เราสามารถรู้ได้ และวัดค่าได้แค่พอประมาณเท่านั้น เนื่องมาจาก

Spirits of the entrepreneur

Image
จิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ ได้ไปนั่งทานข้าวกับเพื่อนอีกสองคน ที่ทำธุรกิจส่วนตัว คนนึงทำของที่บ้าน อีกคนนึงปั้นธุรกิจขึ้นมาเองกับมือ ปั้นมาให้โต พอมันเริ่มอยุ่ตัว พอยืนอยู่ได้ ก็หาใครสักคนที่ไว้ใจได้มาดูแลต่อ ส่วนตัวเค้าเองก็ไปปั้นธุรกิจตัวอื่นต่อ ได้แนวคิดอะไรหลายๆอย่างจากเค้าที่ดีมากๆ ในเรื่องของการจัดการธุรกิจ ความเหนื่อยและ effort ต่างๆ ที่ต้องทุ่มลงไปให้กับธุรกิจเพื่อให้ประสบความสำเร็จได้ ทั้งปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าเข้ามา ทั้งเรื่องของเงินทุน การดำเนินงาน และเรื่องของบุคคล รู้เป้าหมายของตัวเอง มีวินัย ทำให้ลูกน้องดู ทำให้เค้าเชื่อใจเราได้ Know who สำคัญกว่า Know How พยายามต่อยอดธุรกิจจากรากฐานสิ่งเดิมที่เราได้เรียนรู้หรือปั้นมาอยู่แล้ว ต้องมีตัวยืน ธุรกิจหลักที่รีดเงินออกมาได้ (มากๆ ในระดับนึง) จากนั้นถึงไปลองตัวอื่นๆ Cashflow เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทำธุรกิจ อาจมีปัญหาได้ถ้าไม่เข้าใจที่จุดนี้ บันทึกเอาไว้เท่าที่จำได้ มาโพสต์ช้าไปหน่อย ไม่รู้ลืมๆ อะไรไปบ้างรึเปล่า - -"

The Fifth of June: A Rebirth

ก็ได้แต่นั่งคิดว่าทำไมชีวิตต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ด้วย แต่คิดดูดีๆ แล้ว จากจุดไปจุด มันพาชีวิตมาถึงตรงนี้ได้ หลายๆ อย่างก็เป็นเพราะสิ่งที่เราเลือกเอง และสิ่งที่เราไม่ได้เลือก ช่วงนี้ก็ได้แต่เน้นการอยู่นิ่งๆ นิ่งเฉย สังเกตสิ่งรอบข้าง พยายามเก็บเอาสิ่งต่างๆ รอบตัวมาเป็นวัตถุดิบให้ชีวิตเดินต่อไปได้ เราเฟลมาเยอะมากแล้ว จากการกระทำ ความโลภ การไม่มีวินัยของเราเอง ตอนนี้เราได้บทเรียนมาเยอะมากพอแล้ว ไม่ควรจะต้องวิ่งเข้าไปชนปัญหาแย่ๆ เยอะๆ แบบนี้อีกต่อไปแล้ว การไม่เจอปัญหาเพราะรู้วิธีหลีกเลี่ยง ดีกว่ามานั่งแก้ปัญหาทุกรอบที่เจอ แม้จะผ่านไปได้ก็ตาม เลือกที่จะ Prevent ก็เป็นสิ่งที่ดีกว่าเสมอแหละนะ ที่เรารอดมาได้ก่อนหน้านี้นี่ก็ถือว่าเราโชคดีมากแค่ไหนแล้ว ที่มันไม่ลามไปพังมากกว่านี้ เราก็ผ่านมาได้ทุกครั้ง แต่ตอนนี้เราคงเหนื่อยเกินจะล้มอีกรอบแล้วมั้ง + ล่าสุดเป็นการเฟลที่ค่อนข้างใหญ่ เลยทำให้เป๋ไปได้พักใหญ่เหมือนกัน ช่วงนี้เราก็ครุ่นคิดเรื่องในอดีต พยายามอยู่กับปัจจุบัน ไม่ไปคาดหวังอะไรมากกับอนาคต พยายามพิจารณาดูว่าสิ่งไหนมั่งที่สำคัญจริงๆ ที่เราควรจะเก็บเกี่ยว แบกเอาไว้บนหลัง ต่อไปในอนา

Slow, Imperfect Progress Is Better Than None at All

Image
Some things just take time.  We don't need to do everything fast or perfectly.  We just have to keep learning and moving forward, a little every day.  Steady, imperfect progress is better than none at all.  Forward is forward, no matter how slow. "No one can jump from zero to a hundred.  No one can wake up an expert on something new.  We simply have to go through the process.  We can use all our energy questioning, doubting, and judging,  or we can use it to move forward, one tiny, imperfect step at a time,  knowing we’re getting closer to our goals every day.”  Credit ~ Lori Deschene Source

Random Thought.. on productivity: Attacker, not the defender

Image
ห่างหายไปนานกับ Blog นี้ หนีไปเขียนเอาไว้บนสมุดโน๊ตมาสักพักใหญ่ๆ แต่ก็รู้สึกสะดวกกว่าที่จะพิมพ์เก็บไว้ เพราะว่าความคิดในหัวมันวิ่งไวกว่ามือที่เขียนตัวหนังสือ แต่นิ้วพิมพ์มันเร็วกว่าและยังพอวิ่งตามทันได้อยู่ วันนี้ฟังพอดแคสมาตอนนึงของพี่แท๊ป รู้สึกชอบมาก เรื่อง Productivity ว่า คนที่มี Productivity สูง จะเป็นฝ่ายที่วางแผนไว้ก่อน ว่า ณ เวลานี้จะต้องทำอะไร เวลานี้ จะต้องทำอะไร เรียกว่า ทำสิ่งที่จำเป็นในเวลาที่มันยังไม่เร่งด่วนนั่นแหละ ให้เราได้เป็นฝ่าย กระทำ ไม่ใช่ถูกกระทำ Attacker not the defender ไม่ใช่รอสิ่งเร้าภายนอกมากระทบ แล้วเราค่อยคอยบอกให้ตัวเราทำอะไรต่ออะไร แต่เราต้องทำสิ่งต่างๆไว้เพื่อรอสิ่งเร้าภายนอกมากระทบต่างหาก ทำ Time Boxing หรือเวลาเป็นบล๊อกๆ Procedure กับงานที่ซ้ำๆ เอาไว้ ว่าต้องทำอะไรยังไง เราถึงจะเล่นอยู่ในเกมที่เราวางไว้ได้ ไม่ใช่เกมของผุ้อื่นที่เราเป็นผู้ถูกกระทำ ซึ่งกลยุทธ์ในการเทรด ที่ผ่านๆ มาของเรา มันล้มๆ แล้วลุก ลุ่มๆ ดอนๆ มาตลอด เพราะแรกๆ เรามีไอเดีย เข้าไปเทรด เราเป็นฝ่ายกระทำ แต่ถ้าเราไม่ Secure Risk แล้ว Hold order ไว้ ปล่อยให้ตลาดเป็นต

Everyone has their own days

ทุกๆ คน มีวันของตัวเอง มันไม่ใช่สิ่งที่จะมีกันได้ในทุกๆวันและทุกๆ คน แต่สิ่งต่างๆนั้นมันเกิดขึ้นจากการสะสมของสกิลและดวง ที่วันนึงจะหมุนวนกันมาให้ชนกันพอดี สัปดาห์ที่ผ่านมา เราทำได้ดีมาก ถึงมากที่สุด หลังจากที่เดือนก่อนจับพลัดจับถูมานาน และปิดวีคก่อนหน้าไปได้แบบแย่มาก แต่เหมือนการที่เราผ่านอะไรมาเยอะ บ่อยๆ แล้วเลยพอจะมองออกว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเป็นยังไง สรุปก็เป็นไปตามคาด ทุกอย่างโอเค เป็นไปตามแผน เราก็แค่อยากทดสอบแนวทางของตัวเอง ว่าสิ่งที่เราคิด ที่เราทำ ที่สะสมมา ในทางปฏิบัติมันทำได้ แค่ที่ผ่านๆ มา มันยังไม่ใช่วันของเรา แต่ก็มีมาหลุดพลาดคืนวันศุกร์เหมือนกัน ที่ไปหลุดเรื่องง่ายๆ โง่ๆ อย่างเช่นเบลอ ตั้ง SL ผิด ไม่เฝ้าจอ ละเผลแไปงีบ ตื่นมาปิดไม่ทัน อะไรอย่างงี้ แปลว่าเราเริ่มประมาณ หลังจากทำได้ดีมาตลอด อีโกเริ่มมา ต้องลดมันลง หาทางระบาย เราพยายามควบคุมอารมณ์ ให้ไม่ดีใจมากไป หรือเสียใจมากไป พยายามจะทำให้มัน Neutral มากที่สุด วีคหน้าลุยกันต่อ สู้ๆ สรุป ทบทวนความผิดพลาด - อย่าไปพลาดเรื่องเบสิคเดิมๆ โง่ๆ - อย่าประมาณ - อย่าหลงระเริง